ดูความสามารถในการแข่งขัน และการบริหารต้นทุนของบริษัท ได้อย่างไร ?

Sale และ Cost of Goods sold คืออะไร?

รายได้จากการขายสินค้าและบริการ (Sale) คือ ตัวเลขที่บ่งบอกถึงความสามารถในการทำรายได้ของบริษัทนั้น เกิดจาก จำนวนหน่วยสินค้าและบริการที่ขายได้ คูณกับ ราคาของสินค้าและบริการต่อหน่วย ยกตัวอย่างเช่น บริษัท P สามารถขายสินค้าได้ 50 ชิ้น โดยขายในราคาชิ้นละ 100 บาท หมายความว่า บริษัท P จะมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ เท่ากับ 5,000 บาท
 

Tip : ไม่ควรนำยอดขาย (Sale) มาตัดสินใจลงทุนเพียงอย่างเดียว ควรนำค่าต่างๆในงบการเงินมาประกอบการพิจารณาและวิเคราะห์ร่วมด้วย เช่น ต้นทุนขายสินค้าและบริการ เป็นต้น

Cost of Goods sold (COGS) หรือ ต้นทุนขายสินค้าและบริการ คือ ตัวเลขที่บ่งบอกถึงต้นทุนในการผลิตสินค้าและบริการ ที่ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (Selling, General and Administrative Expenses) ซึ่งเป็นรายจ่ายที่ไม่ได้อยู่ใน COGS เช่น ค่าส่วนลดของสินค้า, ค่าเงินเดือนพนักงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายขาย, ค่าเช่าสำนักงาน เป็นต้น
 

ตัวอย่างการคำนวณ Sale และ COGS   

สมมติบริษัท R มีต้นทุนในการผลิตสินค้า 15 บาทต่อชิ้น สามารถขายสินค้าได้ 10 ล้านชิ้น โดยขายสินค้าราคาชิ้นละ 20 บาท แสดงว่า บริษัท R จะมียอดขายเท่ากับ 20 x 10 = 200 ล้านบาท และ ต้นทุนขายเท่ากับ 15 x 10 = 150 ล้านบาท

หากนำยอดขายหักด้วยต้นทุนขาย จะได้กำไรขั้นต้น เพื่อใช้หากำไรก่อนหักภาษีดอกเบี้ย, กำไรจากกิจกรรมดำเนินงาน และ กำไรสุทธิ
 

ข้อสังเกตในการวิเคราะห์ Sale และ COGS 

• COGS มีแนวโน้มลดลงแต่ Sale เพิ่มขึ้น หมายถึง บริษัทมีการเติบโตและมีประสิทธิภาพในการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเกิดมาจากการประหยัดต่อขนาด (มีเครื่องมือเท่าเดิมแต่สามารถผลิตได้มากขึ้น)

• COGS มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและ Sale เพิ่มขึ้น หมายถึง บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นและสามารถขายสินค้าและบริการได้มากขึ้น จึงทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

• COGS มีแนวโน้มลดลงและ Sale ลดลง หมายถึง บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันลดลงและสามารถขายสินค้าและบริการได้น้อยลง จึงทำให้ต้นทุนลดลงตามไปด้วย

• COGS มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ Sale ลดลง หมายถึง บริษัทมีความสามารถในการผลิตลดลง จึงมีต้นทุนในการผลิตเพิ่มสูงขึ้น หากบริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือเพิ่มรายได้เพื่อชดเชยกับต้นทุนเพิ่มขึ้นได้ ก็จะส่งผลเสียแก่บริษัท
   

ยกตัวอย่างโดยอ้างอิงข้อมูลจากหุ้น TNP ในปี 2017-2020 

• ในปี 2017 มียอดขายทั้งหมด 1,597.71 ล้านบาท เมื่อหักด้วยต้นทุนขาย 1,384.94 ล้านบาท จึงเหลือกำไรขั้นต้น 212.77 ล้านบาท

• ในปี 2018 มียอดขายทั้งหมด 1,769.17  ล้านบาท เมื่อหักด้วยต้นทุนขาย 1,524.32 ล้านบาท จึงเหลือกำไรขั้นต้น 244.85 ล้านบาท

• ในปี 2019 มียอดขายทั้งหมด 1,952.45 ล้านบาท เมื่อหักด้วยต้นทุนขาย 1,659.34  ล้านบาท จึงเหลือกำไรขั้นต้น 293.11 ล้านบาท

• ในปี 2020 มียอดขายทั้งหมด 2,196.12 ล้านบาท เมื่อหักด้วยต้นทุนขาย 1,837.43 ล้านบาท จึงเหลือกำไรขั้นต้น 358.69 ล้านบาท

   

จะสังเกตได้ว่า…

COGS มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นและ Sale เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่มากกว่า จึงสามารถตีความได้ว่าบริษัทกำลังมีการเติบโตจึงมีการใช้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขายในอัตราที่มากกว่า
 

แล้วเราสามารถดูค่า Sale และ Cost of Goods Sold ได้จากที่ไหน ?

วิธีที่ 1 เข้าใช้งานผ่านโปรแกรม TradeMaster

•  Login เข้าโปรแกรม Trade Masterให้คลิกไปที่ Market Info เลือกฟังก์ชัน Fundamental 

• คลิกไปที่ Fin Chart 

• พิมพ์ชื่อหุ้นที่นักลงทุนสนใจ

• คลิกไปที่ Profit Loss

• คลิกไปที่ค่า Sale หรือ Cost of Goods Sold 

สามารถดูค่า Sale และ Cost of Goods Sold ของหุ้นตัวที่เลือกได้ด้านล่าง ดังนี้

วิธีที่ 2 เข้าใช้งานผ่านโปรแกรม Stock Signals บนหน้า เว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง

• Login เข้าใช้งาน เว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง

• เลือกเมนู Stock Signals

• เลือกฟังก์ชัน Summary

• พิมพ์ชื่อหุ้นที่ท่านสนใจในช่องค้นหา

• ค่า Sale และ Cost of Goods Sold จะอยู่ในตาราง Income Statement

สแกนหา Sale และ Cost of Goods sold ได้อย่างไร ?

เด็ดยิ่งกว่า!!! ลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวงสามารถสแกนหาหุ้นอัตโนมัติด้วย Strategy Builder จากการสร้างเงื่อนไขที่คุณสนใจง่ายๆผ่านโปรแกรม Trade Master ดังนี้...
 

• สร้างเงื่อนไขด้วยเมูด้านซ้ายมือ และเลือกตั้งค่าเงื่อนไข (condition) 

• เมื่อสร้างกลยุทธ์ (Strategy) ของเราเรียบร้อยแล้ว หน้าจอจะปรากฎหุ้นที่เข้าเงื่อนไขจากหน้า Results
   

📌 เปิดบัญชีหุ้นออนไลน์กับหลักทรัพย์บัวหลวง สะดวก ง่าย ไม่ต้องส่งเอกสาร คลิก  👇

หรือศึกษาวิธีการเปิดบัญชีบนหน้าเว็บไซต์เพิ่มเติม คลิก 

ผู้ลงทุนจะต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน…สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บมจ. หลักทรัพย์บัวหลวง โทร. 0-2618-1111