
Tips
ที่ผ่านมาเราได้พูดถึงอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น P/E, P/BV, PEG, ROA, Net Profit Margin, Net Profit Growth และ Revenue Growth ที่เป็นตัวช่วยนักลงทุนในการวิเคราะห์หาหุ้น โดยพิจารณาจากมูลค่าพื้นฐานของกิจการ...วันนี้เราจะมาพูดถึงอีกหนึ่งอัตราส่วนทางการเงินที่บอกถึง "ขนาดของบริษัท" กันค่ะ
หุ้นที่มี Market Cap. สูง หากมีการเปลี่ยนแปลงของราคา ก็จะส่งผลกระทบกับตลาดฯ มากกว่าหุ้นที่มี Market Cap. ต่ำๆ จากภาพแสดงสัดส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) แบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรม จะเห็นได้ว่ากลุ่มพลังงาน มี Market Cap. ใหญ่ที่สุดในตลาด คิดเป็นสัดส่วนกว่า 21% รองลงมาคือกลุ่มธนาคาร (Bank) มีสัดส่วน Market Cap. 11%
Market Capitalization หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆว่า Market Cap. คือ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด คํานวณจาก ราคาปิดของหลักทรัพย์ x จำนวนหลักทรัพย์จดทะเบียนปัจจุบัน (Listed Shares) เป็นค่าที่บอกมูลค่าตลาดหรือขนาดของบริษัท หุ้นขนาดใหญ่มีความมั่นคง หุ้นขนาดกลางขนาดเล็กมีโอกาสเติบโตMarket Cap. คือ อะไร ?


Large Cap
- Market Cap > 50,000 ล้านบาท
- มักเป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง ผลกำไรเติบโตสม่ำเสมอ และจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง
- การเติบโต ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เติบโตช้า แต่ต่อเนื่อง
- มีความได้เปรียบเชิงแข่งขัน เป็นผู้นำตลาด ราคาหุ้นไม่ผันผวนมากนัก
- เป็นหุ้นที่คนให้ความสนใจ และนิยมลงทุน ทำให้ค่อนข้างหาหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานค่อนข้างยาก
Mid Cap
- 10,000 ล้านบาท < Market Cap. < 50,000 ล้านบาท
- มีโอกาสเติบโต เร็วกว่าหุ้นขนาดใหญ่
- หุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานมีมากขึ้น ความนิยมลงทุนมีน้อยกว่าหุ้นขนาดใหญ่
- มีโอกาสถูกควบรวม หรือถูกเข้าซื้อกิจการโดยบริษัทขนาดใหญ่ได้
Small Cap
- Market Cap < 10,000 MB
- บริษัทขนาดเล็ก มีโอกาสในการเติบโตสูงกว่า จากฐานลูกค้าที่ต่ำกว่าบริษัทขนาดใหญ่
- ความเสี่ยงสูง ราคาหุ้นมีความผันผวนมากกว่า
- มักมีข่าวสนับสนุนให้ผู้ลงทุนเข้าซื้อ จึงเป็นการซื้อตามข่าว เลือกลงทุนเพื่อเก็งกำไร
- หุ้นยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก มีโอกาสที่จะเจอหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานได้มากกว่า

Tips
Equity
Tips
Equity
Mutual Fund
DR01