เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 62 ที่ผ่านมา!! มีเหตุการณ์สำคัญส่งท้ายปี หลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ครั้งที่ 7/2562 มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% จากเดิม 1.50% เป็น 1.25% ต่ำสุดในรอบ 10 ปี 8 เดือน มีผลทันที!! โดยปกติแล้วทุกๆ ปี คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการประชุม เพื่อหารือประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจการเงินและร่วมกันพิจารณากำหนดนโยบายการเงินของประเทศไทย ปีละ 8 ครั้ง (ในเดือน ก.พ. / มี.ค. / พ.ค. / มิ.ย. / ส.ค. / ก.ย. / พ.ย. และ ธ.ค.)

วันนี้เราจะดูกันว่าทำไม กนง. ถึงลดดอกเบี้ย...ผลจากการตัดสินใจในครั้งนี้เกิดจาก !?

• เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้และต่ำกว่าศักยภาพ
• การส่งออกหดตัว มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า บวกกับปริมาณการค้าโลกที่ชะลอลงจากสภาวะการกีดกันทางการค้า
• การท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง
• การบริโภคชะลอลงตามรายได้ของครัวเรือน และการจ้างงานที่ปรับตัวลง หนี้ครัวเรือนยังพุ่งสูงอีกด้วย
• อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีมีแนวโน้มต่ำกว่ากรอบล่างของเป้าหมายเงินเฟ้อ จากราคาพลังงานที่ปรับตัวลงเร็ว

การส่งออกหดตัว

การส่งออกหดตัว ซึ่งการส่งออกเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อน GDP ฉะนั้นถ้าการส่งออกแย่ก็เป็นห่วงโซ่ให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้...ปัจจัยหลักกดดันส่งออก คือเงินบาทแข็ง ซึ่งก่อนหน้านี้แนวโน้มค่าเงินบาทมีการแข็งค่าต่อเนื่อง กระทบกับธุรกิจการส่งออก เช่นเราผลิตสินค้า ส่งออกจำหน่ายไปยังต่างประเทศ รับเงินจากค่าขายเป็นเงินต่างประเทศ แต่พอเอาเงินกลับมาแลกเป็นเงินไทยบาทจะแลกเงินไทยได้น้อยลง เพราะเงินบาทแข็งค่า จึงเป็นผลให้ส่งออกไทยที่ผ่านมานั้นไม่ดี ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งเป็นสภาวะการกีดกันทางการค้า ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังการส่งออกของประเทศอื่นๆ เช่นกัน

การท่องเที่ยวแนวโน้มชะลอตัว

ค่าเงินบาทที่แข็งค่านั้นก็ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มชะลอตัว ไม่โตเท่าที่คาด เพราะถ้าค่าเงินบาทแข็งค่ามากๆ จะไม่ค่อยมีใครมาเที่ยวเท่าไรนัก ค่าที่พัก ค่าทริป ค่ากิน จะแพงขึ้น ใช้เงินต่างประเทศเยอะขึ้นในการแลกเงินบาทไทย อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจีนก็ยังลดลงด้วยจากเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวล่มที่จังหวัดภูเก็ต, ความไม่ปลอดภัย อย่างเหตุการณ์ทำร้ายร่างการนักท่องเที่ยวจีนที่สนามบินก็เป็นเหตุให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง

การบริโภคชะลอตัว....จากหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น

การบริโภคจับจ่ายใช้สอยชะลอตัวลง จากอัตราการจ้างงานที่ลดลง กว่าครึ่งหนึ่งเป็นการลดลงของการจ้างงานในภาคเกษตร เมื่อรายรับน้อย ก่อนจะใช้จ่ายอะไรแต่ละครั้งต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี จึงส่งผลให้การบริโภคในประเทศตึง ไม่มีใครจับจ่ายใช้สอย แถมยังมีหนี้ก้อนโต ดูจากตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่มีแนวโน้มโตสูงขึ้นมากกว่ารายได้ที่ค่อยๆ เพิ่ม ส่วนสินค้าที่คนนิยมเป็นหนี้มากที่สุด คือ โทรศัพท์มือถือ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ประกัน, เฟอร์นิเจอร์, ออโต้เซอร์วิส (เปลี่ยนยาง) (ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย, กรุงเทพธุรกิจ)

ลดดอกเบี้ยใครได้ประโยชน์…ใครเสียประโยชน์ ?

เหตุกังวลบาทแข็งค่ากระทบเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ทันทีที่ กนง. ตัดสินใจประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาทก็อ่อนค่าลงในทันที!! อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย ยังผ่อนคลายกฎเกณฑ์กำกับดูแลการแลกเปลี่ยนเงิน เอื้อให้เงินทุนไหลออก และสร้างสมดุลสกุลเงินทุนเคลื่อนย้าย ลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท ได้แก่ 1. การยกเว้นการนำเงินรายได้จากการส่งออกกลับประเทศ 2. การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ 3. การโอนเงินออกนอกประเทศ 4. การซื้อขายทองคำในประเทศเป็นเงินตราต่างประเทศ โดยมีผลตั้งแต่ 8 พ.ย. 62 นี้เป็นต้นไป!! อาจเอื้อเป็นบวกต่อกลุ่มส่งออกมากขึ้น และการลดอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นบวกต่อกลุ่มสินเชื่อบุคคลและเช่าซื้อ (ได้แก่ SAWAD, MTC, KTC) หลักทรัพย์บัวหลวง คาดว่า ข่าวลดดอกเบี้ยเป็นบวกหนุนงบดี ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้น... ส่วนกลุ่มแบงก์จะโดนผลกระทบจากการลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้กลุ่มแบงก์ต้องพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงและปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงด้วย อีกทั้งยังโดน Disrupt จากเทคโนโลยี ทำให้กระทบรายได้ค่าธรรมเนียม แต่ทางหลักทรัพย์บัวหลวง มองว่า กนง. ลดดอกเบี้ยรอบนี้แล้ว!! จะไม่ลดดอกเบี้ยไปอีกนาน และราคาหุ้นแบงก์ก็น่าจะสะท้อนการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ไปแล้วส่วนหนึ่ง คาดว่ากลุ่มธนาคารจะถูกซื้อคืน แนะซื้อหุ้นธนาคาร BBL KBANK (ที่มา : บทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง)

ลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวง : สามารถอ่านบทวิเคราะห์ภาพรวมตลาดหุ้น และหุ้นรายตัว ได้ที่ Bualuang Reserach อ่านเพิ่มเติม…คลิกที่นี่ บุคคลทั่วไป : เปิดบัญชีหุ้นออนไลน์ กับ หลักทรัพย์บัวหลวง ไม่ต้องส่งเอกสาร สะดวก ง่ายๆ

ติดตามความรู้ทางด้านการลงทุนดีๆ กับพวกเรา ได้ที่…