ขาดทุน 3 ปีซ้อน (ปี 2558-2560) จาก 55.78 ล้านบาท เป็น 283.25 ล้านบาท และ 161.32 ล้านบาท ตามลำดับ แล้วเมื่อไร บมจ.แพรนด้า จิวเวลรี่ หรือ PDJ จะพลิกมีกำไร ? หลังไตรมาสแรกของปี 2561 ยังโชว์ผลขาดทุน 85.24 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 75.78 ล้านบาท “เม่าจำไม By Bualuang Securities” จะเล่าให้ฟัง...

ที่มาของ "แพรนด้า จิวเวลรี่"

หลายคนอาจเคยนึกสงสัยถึงต้นกำเนิดของชื่อบริษัท ย้อนกลับไปเมื่อปี 2516 องค์กรแห่งนี้ถูกก่อตั้งจาก 6 พี่น้องตระกูลเตียสุวรรณ์ ที่ส่วนใหญ่มีชื่อขึ้นต้นด้วย ป.ปลา ไล่มาตั้งแต่ คุณปรีดา คุณประพีร์ คุณปราณี และคุณปราโมทย์ เป็นต้น ซึ่งหากสะกดเป็นภาษาอังกฤษก็จะได้คำว่า PRA และเพื่อเป็นการให้เกียรติ คุณปรีดา (PRIDA) ในฐานะประธานกรรมการ เหล่าพี่น้องจึงพร้อมใจกันตั้งชื่อบริษัทว่า “แพรนด้า จิวเวลรี่” ปัจจุบัน  “แพรนด้า จิวเวลรี่” ยังคงอยู่ภายใต้การบริหารงานของ “เจเนอเรชั่น 1” แต่เมื่อ 12 ปีก่อน “เจเนอเรชั่น 2”  ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารงาน นำทีมโดย “คุณอาร์ท ชนัตถ์ สรไกรกิติกูล” ลูกชาย “คุณประพีร์ เตียสุวรรณ์”  (พี่สาวคนที่สองของตระกูลเพียสุวรรณ์) ปัจจุบันนั่งตำแหน่งประธานกรรมการการเงินและบริหารความเสี่ยง ขณะเดียวกันยังมีทายาทของคุณปรีดา และทายาทของคุณปราโมทย์ เข้ามาช่วยดูแลงานช่องทางการขายออนไลน์ และแบรนด์พรีม่าโกลด์ ก่อนเข้ามานั่งทำงานในองค์กรแห่งนี้ คุณอาร์ท เคยนั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาทางการเงินใน Ernst & Young, U.S.A. ก่อนจะลาออกกลับมาเมืองไทย แต่นั่งว่างได้เพียง 2 สัปดาห์ ผู้เป็นแม่ก็มาขอให้ไปช่วยทำงานในบริษัทของเพื่อนที่อยู่ในประเทศเวียดนาม ภายใต้ชื่อ Forever Living Products, Vietnam แต่ทำได้ 2 ปีกว่า “คุณประยูร เถลิงศรี” ซึ่งขณะนั้นทำงานอยู่ใน “แพรนด้า จิวเวลรี่” ก็ชักชวนให้กลับมาช่วยงานครอบครัว

( คุณแพท-ภาววิทย์ และ คุณอาร์ท-ชนัตถ์ ถ่ายรูปร่วมกันภายในห้องแสดงสินค้า ณ โรงงาน ย่านบางนา )

“แพรนด้า จิวเวลรี่”  ในฐานะผู้นำด้านการส่งออกเครื่องประดับอัญมณีของไทย ปัจจุบันดำเนินธุรกิจผู้ผลิต จัดจำหน่าย และค้าปลีกเครื่องประดับแท้เป็นหลัก ซึ่งกระจายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคที่สำคัญของโลก ได้แก่ อเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเซีย โดยมีฐานผลิตหลัก 3 โรงงาน (ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย) กำลังการผลิตประมาณ 4 ล้านชิ้นต่อปี ในปี 2560 มีรายได้จากตลาดต่างประเทศ 57.05% และ 42.95% เป็นรายได้จากการขายในประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีสินค้า 2 กลุ่มหลัก คือ 1. สินค้าแบรนด์ของตนเอง (OWN BRAND MANUFACTURING : OBM) เช่น Prima Gold, Prima Diamond, Prima Art และ Merii ในประเทศไทย เป็นต้น 2. สินค้าที่ผลิตและออกแบบร่วมกับลูกค้า (ORIGINAL DESIGN MANUFACTURING : ODM) โดยมีลูกค้าหลักเป็นแบรนด์เครื่องประดับกลางและสูง และร้านค้าจิวเวลรี่ในประเทศต่างๆ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน ออสเตรเลีย รัสเซีย และญี่ปุ่น (อ้างอิงข้อมูลจาก PDJ)

ลดการพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่

คุณอาร์ท ชนัตถ์ สรไกรกิติกูล ประธานกรรมการการเงินและบริหารความเสี่ยง บมจ. แพรนด้า จิวเวลรี่ เล่าว่า ตั้งแต่ปี 2557 ยอดขายต่างประเทศของบริษัทปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังตลาดส่งออกในประเทศสหรัฐอเมริกาและเยอรมนี ซึ่งเป็นสองลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทมียอดขายหดตัว หลังลูกค้าประสบปัญหาถูกคู่แข่งตีตลาด และปัญหาทางการเงิน ตามภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอเมริกา จากปัญหาดังกล่าว ทำให้บริษัทมียอดขายตกต่ำสุดในปี 2558 แต่สะดุดได้ไม่นาน ก็สามารถพลิกตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยการหาลูกค้าใหม่เข้ามาทดแทนเจ้าเดิมที่ล้มหายตายจากไป ส่งผลให้ยอดขายค่อยๆฟื้นตัว เพราะโครงสร้างธุรกิจของบริษัทไม่ได้เปลี่ยนแปลง เรายังคงทำงานร่วมกับดีไซน์เนอร์และแบรนด์ชั้นนำเหมือนเดิม ส่งผลให้กำลังการผลิตค่อยๆ ปรับตัวขึ้นจาก 50% ในปี 2559 เป็นประมาณ 70% ในปี 2560 และคาดหวังว่าจะขยับขึ้นสู่ระดับ 80% ในปี 2561 หากเป็นจริงเช่นนั้น ก็หวังจะเห็นอัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นจาก 28% ในอดีตมายืนที่ตัวเลขเดิมประมาณ 35% “ที่ผ่านมาเราได้ปรับกลยุทธ์การขายใหม่ ด้วยการไม่พึ่งพิงลูกค้ารายใดรายหนึ่งมากเกินไปเหมือนในอดีต ปัจจุบันลูกค้า 1-15 รายแรกจะมีสัดส่วนการขายไม่เกิน 10% เราไม่อยากเจ็บซ้ำรอยเดิม” ล่าสุดเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา บอร์ด PDJ มีมติอนุมัติให้เลิกกิจการบริษัทย่อยในประเทศเยอรมนี ภายใต้ชื่อ Pranda & Kroll GmbH & Co.KG ซึ่งดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องประดับแท้ หลังสร้างสัดส่วนขาดทุนมากถึง 30% ขณะเดียวกันยังมีค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน 12% ที่ผ่านมาบริษัทย่อยดังกล่าวสร้างยอดขายให้ PDJ เพียง 2% ของยอดขายรวมเท่านั้น ฉะนั้นการปิดกิจการดังกล่าวจะทำให้เราตัวเบามากขึ้น นักลงทุนไม่ต้องกังวล

รายได้รวมขยายตัว 20% เป้าหมายปี 61

ประธานกรรมการการเงินและบริหารความเสี่ยง ยืนยันว่า ในปี 2561 บริษัทอาจมีรายได้รวมประมาณ 3,700 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ย 20% จากปี 2560 ที่ทำรายได้รวมได้ระดับ 2,918.12  ล้านบาท หลังเชื่อมั่นว่า ยอดขายในบริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าปลีก Prima Gold, Prima Diamond, Prima Art และ Merii ในประเทศไทย อาจเติบโตประมาณ 10% จากปีก่อนที่เติบโต 6% ขณะที่ยอดขายใน บริษัท แพรนด้า เวียดนาม จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายค้าปลีกเครื่องประดับ (PDJ ถือหุ้น 100%) อาจเติบโตเฉลี่ย 20% ปัจจุบันมีจุดจำหน่าย 8 แห่ง ในเมืองโฮจิมินจ์และฮานอย และบริษัท แพรนด้า มาร์เก็ตติ้ง อินโดนีเซีย จำกัด (PDJ ถือหุ้น 55%) อาจมียอดขายขยายตัวประมาณ 20% นอกจากนั้น บริษัท แพรนด้า อินเดีย จำกัด (PDJ ถือหุ้น 51%) ผู้จัดจำหน่ายเครื่องประดับแท้ ประเทศอินเดีย อาจมียอดขายขยายตัว “ร้อยเปอร์เซ็นต์” หลังภาวะเศรษฐกิจของประเทศอินเดีย เริ่มกลับเติบโตมาแซงหน้าประเทศจีน ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้บริษัทมั่นใจว่า ยอดขายในอินเดียจะกลับมาเติบโต ส่วนยอดขายในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นฐานสำคัญของเรา เบื้องต้นคาดการณ์ว่า จะเติบโต 8% ไม่ได้หวือหวาอะไร เพราะเรามีฐานลูกค้าที่ทำงานร่วมกันมานานแล้ว ทำให้พอจะประเมินได้ว่า ลูกค้าจะสั่งสินค้าจากเราในอัตราเท่าไร ยกตัวอย่าง ลูกค้าชื่อดังรายหนึ่ง เขาได้สั่งสินค้ามูลค่าสูงล่วงหน้ากับเรานาน 8 เดือนแล้ว ทำให้การทำงานของเรามีความแม่นยำมากขึ้น “เดิมเราผลิตสินค้าให้คนอื่นมากถึง 70% แต่ผลิตสินค้าแบรนด์ตัวเองเพียง 30% เราเลยกำลังทบทวนว่า จะทำอย่างไรดีจึงจะผลิตสินค้าให้ตัวเองมากขึ้น เพื่อจะได้กำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้ ถือเป็นการบริหารความเสี่ยงที่ดีทางหนึ่ง ที่สำคัญยังทำให้มีมาร์จิ้นที่ดีขึ้นด้วย ในอนาคตคงต้องทำแน่นอน” คุณอาร์ท ทิ้งท้ายว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เราตกอยู่ใน “อาการป่วย” เพราะไม่มีภูมิต้านทานที่ดีพอ หลังไปพึ่งพิงยอดขายลูกค้ารายใหญ่ที่มีสัดส่วนมากถึง 40% ของยอดขายทั้งหมดมากเกินไป สุดท้ายเขาก็ล้มหายตายจาก แต่ในปี 2561 เรามุ่งมั่นที่จะหลุดจาก “อาการป่วย” เพื่อพลิกมามี “กำไรจากการดำเนินงาน” ให้ได้ วิธีการ คือ ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เราจะให้ความสำคัญมากขึ้นกับ “กลุ่มธุรกิจสายค้าปลีก” โดยยอดขายจากกลุ่มนี้จะขยับจาก 35% ในปีก่อน เป็น 40% ในปีนี้ และจะเกิน 50% ในอนาคต หากเป็นไปตามคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทต้องกลับมาดีเหมือนเดิม เพราะเราเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย

( ที่มา : set.or.th)

สัปดาห์หน้า “เม่าจำไม By Bualuang Securities” จะพาไปซอกแซกเรื่องลงทุน บุคคลน่าสนใจ หรือวาไรตี้สุดฮิปที่ไหน รอติดตาม รับรองเอ็กซ์คลูซีฟเวอร์...