
เก็บตกจากงานสัมมนา “เคล็ดลับเลือกลงทุนหุ้นต่างประเทศ” เมื่อวันพุธที่ 8 กรกฎาคม 2563 ทางหลักทรัพย์บัวหลวงได้รับเกียรติจาก คุณชาย มโนภาส นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) เข้าร่วมบรรยายพร้อม คุณรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่าย Global Investing ผ่านห้องเรียนออนไลน์…เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนและแนะนำหุ้นต่างประเทศ
วันนี้เราขอเก็บตกข้อมูลจากงานสัมมนามาฝากกันนะคะ
ทำไมถึงควรสนใจลงทุนต่างประเทศ
นอกจากการลงทุนในประเทศแล้ว นักลงทุนยังสามารถเปิดโอกาสตนเองสู่ตลาดโลกได้ และยังสามารถนำประยุกต์ใช้ในตลาดไทยได้อีกด้วย โดยให้เหตุ 4 ข้อหลักๆ ได้แก่
1. กระจายความเสี่ยงพอร์ทการลงทุน
การกระจายการลงทุน โดยการลงทุนในต่างประเทศ สามารถลดการพึ่งพิงระบบการเมืองใดการเมืองหนึ่งในแต่ละประเทศได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ทการลงทุน
2. เปิดโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ๆ
ในตลาดหุ้นต่างประเทศมีอุตสาหรรมใหม่ๆที่น่าสนใจมากมาย ที่ตลาดหุ้นไทยไม่มี เช่น Virgin Galactic อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอวกาศในสหรัฐอเมริกา
3. สภาพคล่อง
หุ้นส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่ จึงมีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อ-ขายได้ง่าย
4. เปิดโอกาสการเป็นเจ้าของบริษัทชั้นนำ
ในการลงทุนในต่างประเทศ นักลงทุนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของในบริษัทชั้นนำระดับโลกได้ เช่น Facebook และ Netflix
นักลงทุนควรเลือกประเทศที่ตนเองรู้สึกใกล้ชิด (Psychic Distance) มีความคุ้นเคย และรู้จักตลาดนั้นเป็นอย่างดี หรือเลือกลงทุนในธุรกิจที่ตนเองมีความคุ้นเคย เพราะจะเกิดความเข้าใจในกิจการเหล่านั้น
ความเสี่ยงในการลงทุนต่างประเทศ มีหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่มักพบอยู่บ่อยครั้ง ได้แก่
1. อัตราแลกเปลี่ยน
แม้การลงทุนในต่างประเทศจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า แต่นักลงทุนต้องรับความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งบ่อยครั้ง เมื่อคิดกลับมาเป็นมูลค่าบาทแล้ว กลับให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าลงทุนในประเทศด้วยซ้ำ อีกทั้ง อัตราแลกเปลี่ยนยังขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจมหภาค (Macroeconomics) ดังนั้น นักลงทุนควรจะต้องมีความรู้ทั้งในภาพรวมเศรษฐกิจ และรายละเอียดย่อยของบริษัทที่ตนสนใจ
2. การโกง ฉ้อฉล
สิ่งที่นักลงทุนควรทำ คือ ติดตามข่าวสารของบริษัทที่ตนเองสนใจอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการขาดทุน และควรเลือกหุ้นที่ตนเองรู้จัก และคุ้นเคย เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเจอบริษัทที่มีการโกงงบการเงิน หรือผู้บริหารฉ้อฉล
Key Trends in Focus : 4 แนวโน้มหลักที่น่าสนใจ ได้แก่
1. Demographics
จากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของประชากรโลกในอนาคต โดยข้อมูลจาก eea.Europa คาดการณ์ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 6.9 พันล้านคนในปี 2010 เป็น 9.6 พันล้านคนในปี 2050 และ 1.09 หมื่นล้านคนในปี 2100 ซี่งแน่นอนเมื่อจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น การบริโภคสินค้าก็ต้องเพิ่มขึ้นตาม ดังนั้นหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากเทรนด์ก็คือ กลุ่ม FMCG หรือ Consumer Staples ได้แก่ PG, LOREAL, UNILEVER, COKE และ PEPSI
2. Urbanizations
การขยายตัวของเมืองจะขยายมากขึ้น โดยอัตราส่วนของคนที่อาศัยอยู่ในเมืองจะมากขึ้นเมื่อเทียบกับคนชนบท อีกทั้งยังมีเทรนด์ Smart City ที่หลายๆบริษัทในตอนนี้กำลังร่วมมือสร้าง เช่น Huawei และ Alibaba เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
3. Internet of Things
การเข้ามาของ 5G จะทำให้เกิดการเชื่อมต่อผ่านทางอินเตอร์เน็ตที่รวดเร็วและกว้างขวางมากขึ้น กลุ่มผู้ผลิต Operating System (OS) ที่จะมาแรงในเทรนด์นี้ ได้แก่ Apple, Microsoft และ Google
4. Clean Energy
โลกของเรากำลังวิ่งเข้าสู่พลังงานรูปแบบใหม่ ซึ่งลิเธียมกำลังจะเข้ามาแทนที่น้ำมัน และเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าา (Electric Vehicle) ก็กำลังมาเช่นกัน ซึ่งบริษัทที่น่าสนใจ นั่นก็คือ Lithium Americas (LAC) ที่มีบางจากของไทย ได้เข้าร่วมลงทุนในเหมืองแร่อีกด้วย
ในช่วงสุดท้ายของสัมมนา ได้มีการแนะนำหุ้น 4 ตัวน่าลงทุน โดยแบ่งเป็น Growth Stocks และ Value Stocks ซึ่งหากท่านนักลงทุนสนใจสามารถติดต่อเข้ามาเปิดบัญชี เพื่อรับข้อมูลและข่าวสารการลงทุนต่างประเทศจากทีม BLS Global Investing ได้ โดยสามารถเปิดผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ววันนี้!!