fintech
fintech

มาทำความรู้จักกับบริษัท FinTech ยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งกำลังจะเป็นหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเช่นกันอย่าง “Ant Group”

มาทำความรู้จักกับบริษัท FinTech ยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งกำลังจะเป็นหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเช่นกันอย่าง “Ant Group”

Ant Group คือบริษัทอะไร ?

Ant Group เป็นบริษัทย่อยของ Alibaba โดย Alibaba ถือหุ้นอยู่ถึง 33% โดย Ant Group ได้ชื่อว่าเป็นบริษัท FinTech ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีมูลค่าบริษัทมากที่สุดในโลกในขณะนี้ อีกทั้งบริษัทกำลังจะเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่างตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง

แล้วรู้หรือไม่ว่า… Ant Group เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินครบวงจร โดยธุรกิจหลักคือการให้บริการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งนักลงทุนหลายท่านอาจเคยพบเห็นหรือใช้กันเป็นประจำอยู่แล้ว นั่นก็คือ แอพ Alipay นั่นเอง

ดังนั้นทางทีม BLS Global Investing อยากจะชวนศึกษาข้อมูลเชิงพื้นฐานและโมเดลธุรกิจว่าทำไม Ant Group ถึงเป็นบริษัทที่นักลงทุนถึงให้ความสนใจกันมากขนาดนี้…

 

[FINAL] AW - Ant Group

 

Ant Group คือบริษัทที่ดำเนินธุรกิจประเภทอะไร ?

จุดกำเนิดของ Ant Group เกิดจากบริษัท Alibaba ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม e-Commerce ดำเนินธุรกรรมการซื้อ-ขายมากมายบนแพลตฟอร์ตออนไลน์ของตนเอง หากกล่าวถึงการซื้อขายและแลกเปลี่ยนสินค้ากัน จึงอดนึกถึงเรื่องของ “การชำระเงิน” ไม่ได้ ทุกๆ ธุรกรรมจำเป็นต้องมีการจ่ายเพื่อให้การซื้อและขายนั้นสำเร็จ ดังนั้น Alibaba นำโดย Jack Ma จึงเริ่มก่อตั้งธุรกิจที่มีชื่อว่า Alipay ขึ้น ภายใต้บริษัท Ant Group โดยเป็นแพลตฟอร์มอีกแพลตฟอร์มหนึ่ง สำหรับชำระเงินจากการซื้อสินค้าออนไลน์และการชำระเงินมือถือ แต่แท้จริงแล้ว Ant Group หรือที่เรียกอีกชื่อว่า Ant Financial Group ไม่ได้ดำเนินธุรกิจเพียงแต่ Alipay เท่านั้น แต่ยังดำเนินธุรกิจด้านการปล่อยสินเชื่อ ด้านประกันภัย และด้านการลงทุนในรูปแบบกองทุน ไปพร้อมๆ กัน

Pie

จากภาพ รายได้กว่า 43% ของรายได้รวม หรือคิดเป็น 51.9 พันล้านหยวนจีน มาจากค่าธรรมเนียมจากธุรกิจ Alipay หรือการให้บริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Online Payment) ซึ่งในปัจจุบัน Alipay ครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 54.9% ในประเทศจีน และรองลงมาอีก 35% ของรายได้รวม หรือคิดเป็น 41.9 พันล้านหยวนจีน มาจากค่าธรรมเนียมจากการเป็นตัวกลางในการปล่อยสินเชื่อให้กับรายย่อย (Microfinancing) ซึ่งก่อนนี้ การปล่อยสินเชื่อหรือเงินกู้ให้กับคนที่มีรายได้น้อยแทบจะไม่สามารถทำได้ แต่ Ant Group เห็นโอกาสและเริ่มทำอย่างจริงจัง และยิ่งไปกว่านั้นคือ การตัดสินใจปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายย่อยนั้น ทำได้จากการวิเคราะห์พฤติกรรมในการใช้จ่ายเงินของลูกค้าด้วย Big Data โดยบริษัทฯ เชื่อว่าการใช้ Big data จะสามารถช่วยในการวิเคราะห์ความสามารถในการจ่ายหนี้ของแต่ละคนบุคคลได้ โดยบริษัทฯ จะมีบทบาทในการเป็นตัวกลางและช่วยตัดสินใจการปล่อยสินเชื่อให้กับรายย่อยของสถาบันการเงิน รายได้แหล่งที่สาม มาจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (Wealth Management) ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 14.2% ของรายได้รวม หรือคิดเป็น 17.0 พันล้านหยวนจีน มาจากที่บริษัทฯ เข้าไปบริหารกองทุนแบบกองทุนรวมตลาดเงิน (Money market fund) และสร้างรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมเมื่อลูกค้าเข้ามาลงทุน อีกทั้งยังเป็นกองทุนที่มีมูลค่าสูงสุดในจีน รายได้แหล่งสุดท้ายกว่า 7.4% ของรายได้รวม หรือคิดเป็น 8.5 พันล้านหยวนจีน มาจากการที่บริษัทฯ เป็นตัวกลางในการขายประกันหลากหลายรูปแบบ โดยเลือกใช้ Big data อีกเช่นกัน ในการช่วยวิเคราะห์แผนกรมธรรม์ที่เหมาะสมให้กับลูกค้ามากที่สุด โดยดูจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือ Lifestyle ของลูกค้าแต่ละคน

รายได้ทั้งหมดของ Ant Group โตแค่ไหน ?

จำนวนผู้ใช้บริการ Alipay ในปัจจุบันทะลุ 1 พันล้านรายทั่วโลกแล้ว โดยที่ 900 ล้านรายเป็นผู้ใช้ในประเทศจีน อีกทั้งจำนวน Transactions ของ Ant Group เป็นที่น่าแปลกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากมูลค่า Transaction ทั้งหมดในปี 62 อยู่ที่ 15 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 469 ล้านล้านบาท ถือว่ามีมูลค่าที่สูงมาก และมากแทบจะเทียบเท่ากับ GDP ของกลุ่มประเทศยูโรที่มีมูลค่าถึง 18.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 572 ล้านล้านบาท และหากดูตัวเลขรายได้ของ Ant Group จะเห็นได้ว่าไม่กี่ปีมานี้ รายได้ของ Ant Group นั้นโตเป็นเท่าตัว โดยรายได้ปี 61 อยู่ที่ 85.7 พันล้านหยวนจีน และในปี 62 รายได้อยู่ที่ 120.6 พันล้านหยวนจีน โดยรายได้โตถึง 40.72% จากปี 61        

ทำไมการ IPO ของ Ant Group จึงเป็นส่วนหลักที่ทำให้เงินดอลลาร์ฮ่องกงเริ่มแข็งค่าขึ้น ?

นักวิเคราะห์หลายๆ ท่านมองว่าจะมีนักลงทุนจำนวนมากเข้าลงทุนในหุ้น Ant Group หลังจากออก IPO ส่งผลทำให้ Demand ของสกุลเงิน HKD หรือดอลลาร์ฮ่องกง แข็งค่าขึ้น โดยล่าสุด Ant Group เพิ่งผ่านการอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เพื่อนำหุ้น Ant Group เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงอย่างสมบูรณ์ โดยตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ 2 และตลาดหลักทรัพย์แรกคือ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ซึ่งอธิบายง่ายๆ ก็คือ นักลงทุนสามารถเข้าซื้อหุ้นของ Ant Group ได้ทั้งในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และฮ่องกง (หรือที่เรียกว่าการทำ “Dual Listing”) การทำเช่นนี้จะสามารถช่วยขยายฐานนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น และช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับหุ้นได้

อีกทั้งการระดมทุนของ Ant Group ในครั้งนี้ จะเป็นครั้งประวัติศาสตร์ หลังจากที่บริษัทเพิ่มมูลค่าบริษัทจากเดิมที่ 225 พันล้านเหรียฐสหรัฐฯ เป็น 250 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ในขณะที่ Bloomberg คาดว่าจะสูงขึ้นถึง 280 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งส่งผลทำให้เงินที่จะระดมทุน IPO เพิ่มสูงขึ้นถึง 35 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ !!! ซึ่งแซงหน้าบริษัท Saudi Aramco ที่มีมูลค่า IPO สูงที่สุดก่อนหน้านี้ที่ 29 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปแล้ว และหากนำมาเทียบกับมูลค่าบริษัทอื่นๆ ถือว่ามีมูลค่าและเม็ดเงินการลงทุนที่สูงมาก เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อ Demand ของสกุลเงินฮ่องกงดอลลาร์

บวกกับแนวโน้มของยอดขายหุ้นในตลาดฮ่องกงเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งมีสาเหตุมาจากที่นักลงทุนกังวลถึงความเสี่ยงของผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ไม่แน่นอน ทำให้หุ้นอย่าง JD.com (NASDAQ:JD), NetEase (NASDAQ:NTSE) และ Yum China Holdings (NYSE:YUMC) ] ที่ล้วนเป็นบริษัทจีน ลงมือจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นฮ่องกงเพิ่มเติม ภายใต้ชื่อ 9618.HK, 9999.HK และ 9987.HK ตามลำดับ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สุดท้ายนี้… เรามาดูกันว่าหุ้น Ant Group หลังจาก IPO แล้วจะเป็นอย่างไร

สุดท้ายมูลค่า IPO จะเป็นเท่าไหร่ และถึงแม้ตอนนี้ Ant group จะยังไม่ได้ออกมาประกาศเพิ่มเติมเรื่องการจองหุ้น IPO แต่ยังสามารถรอลงทุนได้ เมื่อบริษัททำการ IPO สำเร็จ 😄

 

อัพเดทข้อมูล Ant Group ณ วันที่ 27 ต.ค. 63
 Ant Group เผยตัวเลขระดมทุนจากการ IPO ที่ 34.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งในตลาดเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง ในวันที่ 5 พ.ย. ภายใต้สัญลักษณ์ 6688.HK ทำให้เป็นการระดมทุนครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์

อีกทั้งบริษัทฯ เผยจำนวนหุ้นจดทะเบียนในตลาดเซึ่ยงไฮ้ที่ 1.67 พันล้านหุ้น โดยราคา IPO จะอยู่ที่ 68.8 หยวนต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมที่ 114.94 พันล้านหยวน หรือ 17.23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ในตลาดฮ่องกงมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนเท่ากันที่ 1.67 พันล้านหุ้น โดยราคา IPO จะอยู่ที่ 80 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมที่ 133.65 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 17.24 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อรวมทั้งสองตลาดแล้ว มูลค่า IPO อยู่ที่ 34.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

Source : CNBC, Aastocks

 

เปิดโอกาสการลงทุนหุ้นต่างประเทศไปกับ BLS Global Investing
…โดยสามารถเปิดบัญชี
ทางออนไลน์ได้แล้ววันนี้!! คลิกที่นี่

สำหรับบุคคลทั่วไป ต้องดำเนินการเปิดบัญชีหุ้น พร้อมเปิดบัญชีลงทุนต่างประเทศ

 

บทความนี้อ้างอิงข้อมูลจาก :

Bloomberg, CNN, Investing.com, MarketWatch, The Shareholders,
อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐฯ = 31.23 บาท, 1 หยวนจีน = 4.7 บาท, 1 หยวนจีน = 0.15 เหรียญสหรัฐฯ, ข้อมูล ณ วันที่ 21 ต.ค. 63

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง