introduction-to-dif
introduction-to-dif

จัดพอร์ตลงทุน Bond ETF ต่างประเทศแบบอัตโนมัติกับ US Fixed Income ETF Portfolio

จัดพอร์ตลงทุน Bond ETF ต่างประเทศแบบอัตโนมัติกับ US Fixed Income ETF Portfolio

By BLS Auto Investing


“US Fixed Income ETF Portfolio” หรือ “USFIXEDETF” เป็นการจัดพอร์ตหุ้นต่างประเทศอัตโนมัติ โดยมีกลยุทธ์ คือ เน้นกระจายการลงทุนใน ETF ที่อ้างอิงตราสารหนี้สหรัฐฯ (Bond ETF) พร้อมทั้งมีนโยบายปรับสัดส่วนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมตามสภาวะตลาด เศรษฐกิจ ทิศทางดอกเบี้ย และมีการติดตามการลงทุนอย่างสม่ำเสมอโดยผู้เชี่ยวชาญ



Bond ETF คืออะไร


Bond ETF เป็น ETF ที่เน้นสร้างผลตอบแทนอ้างอิงตามดัชนีราคาตราสารหนี้ ซื้อขายได้ในตลาดหุ้น โดยในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ตลาดทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มี Bond ETF รวมแล้วกว่า 598 ตัว และมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการรวมกันกว่า 50 ล้านล้านบาท



จุดเด่นของ Bond ETF

  • ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำไม่สูงมาก
  • มีการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลายรุ่น
  • มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายได้สะดวกในตลาดหุ้นและมีผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker)
  • มีการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ
  • ไม่มีวันหมดอายุ เพราะมีการปรับพอร์ตตลอด


ทั้งนี้ Bond ETF จำแนกออกเป็นหลายประเภท เช่น แบ่งตามอายุคงเหลือ แบ่งตามอันดับความน่าเชื่อถือ แบ่งตามอุตสาหกรรมของผู้ออกตราสารหนี้  เป็นต้น ทำให้นักลงทุนอาจต้องใช้ระยะเวลานานในการทำความเข้าใจลักษณะของตราสาร รวมไปถึงการจัดพอร์ตและปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งจากรูปแสดงตัวอย่างผลตอบแทนจากการลงทุนใน Bond ETF แต่ละประเภท หากลงทุนเฉพาะ ETF ตราสารหนี้ระยะสั้น (Short-Term Bond) ก็จะได้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและมีความเสี่ยงต่ำ แต่ผลตอบแทนโดยรวมน้อย ในทางกลับกันหากลงทุนเฉพาะ ETF ตราสารหนี้ระยะยาว (Long-Term Bond) ก็จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงมากในบางช่วง แต่มีความผันผวนมากและมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้มากในบางช่วงเช่นกัน และถึงแม้ว่าจะกระจายการลงทุนแบบถ่วงน้ำหนักเท่ากัน (Equal Weighted) จะช่วยเฉลี่ยผลตอบแทนและความผันผวนจากตราสารหนี้แต่ละประเภทได้ในระดับหนึ่ง แต่จะดีกว่าไหมถ้ามีผู้เชี่ยวชาญคอยปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ เช่น ถือตราสารหนี้ระยะยาวในสัดส่วนที่มากขึ้น เพื่อเพิ่มผลตอบแทนช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง หรือเน้นถือตราสารหนี้ระยะสั้นในช่วงที่เศรษฐกิจมีความเสี่ยงสูงเพื่อลดความผันผวนและรับผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอน เป็นต้น

 

ผลตอบแทนจากการลงทุนใน Bond ETF แต่ละประเภท
image.png

หมายเหตุ:

  • ผลตอบแทนจากการทดสอบย้อนหลังเป็นสกุลเงิน USD โดยรวมเงินปันผลแต่ไม่ได้นำมาลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งอยู่ในช่วงเวลา 01/02/2017 – 28/12/2023 (โดยรวมค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์และภาษีเงินปันผลหัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 30% แต่ยังไม่ได้รวมค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนในอัตรา 0.3% ต่อปี)
  • จำนวนเงินลงทุนที่ต่างกันอาจส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนมีความแตกต่างจากผลการทดสอบย้อนหลัง หรือผลการดำเนินงานในอดีต ทั้งนี้ผลการทดสอบย้อนหลังหรือผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนจากการลงทุนในอนาคต


ด้วยเหตุนี้ หลักทรัพย์บัวหลวงจึงได้นำเสนอทางเลือกการลงทุน “Dynamic Income USD ETF” หรือ “DIF” ที่จะมาช่วยคัดเลือก Bond ETF แต่ละประเภท รวมถึงคอยปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะตลาด เศรษฐกิจ ทิศทางดอกเบี้ย และมีการติดตามการลงทุนให้อย่างสม่ำเสมอ



ปัจจัยในการคัดเลือก ETF ใน US Fixed Income ETF Portfolio (USFIXEDETF)

  1. การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ เช่น
    • นโยบายการลงทุนสอดคล้องกับกลยุทธ์
    • ผู้ออก ETF มีความน่าเชื่อถือ
  2. การวิเคราะห์เชิงปริมาณ เช่น
    • ขนาดสินทรัพย์ภายใต้การจัดการของ ETF มีขนาดใหญ่
    • มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
    • ผลการดำเนินงานย้อนหลังโดดเด่น
    • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมต่ำ


จุดเด่นของ US Fixed Income ETF Portfolio (USFIXEDETF)

  • คัดเลือกและกระจายการลงทุนใน ETF ตราสารหนี้สหรัฐฯ
  • ได้รับเงินปันผลสม่ำเสมอ
  • บริหารพอร์ตโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและระบบบริหารพอร์ตอัตโนมัติ
  • ปรับสัดส่วนพอร์ตการลงทุนให้ตามสถานการณ์ เช่น
    • ช่วงอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูง (Peaked Policy)
    • ช่วงอัตราเงินเฟ้อขาขึ้น (Rising Inflation)
    • ช่วงการเติบโตปกติ (Goldilocks)
    • ช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น (Rising Interest)
    • ช่วงนโยบายการเงินแบบเข้มงวด (Hawkish Policy)
    • ช่วงตลาดมีความเสี่ยงสูง (High Economic Risk)
  • ติดตามการลงทุนได้ทุกเวลาผ่านหน้าเว็บไซต์ของหลังทรัพย์บัวหลวง

 

 

 

image.png

หมายเหตุ:

  • Benchmark : คำนวณโดยใช้ Bloomberg US Aggregate Total Return 100%
  • ผลตอบแทนจากการทดสอบย้อนหลังเป็นสกุลเงิน USD โดยรวมเงินปันผลแต่ไม่ได้นำมาลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งอยู่ในช่วงเวลา 01/02/2017 – 31/05/2023 (โดยรวมค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์และภาษีเงินปันผลหัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 30% แต่ยังไม่ได้รวมค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนในอัตรา 0.3% ต่อปี)
  • จำนวนเงินลงทุนที่ต่างกันอาจส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนมีความแตกต่างจากผลการทดสอบย้อนหลัง หรือผลการดำเนินงานในอดีต ทั้งนี้ผลการทดสอบย้อนหลังหรือผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนจากการลงทุนในอนาคต


จากรูปผลตอบแทนจากการทดสอบย้อนหลังเป็นการจำลองการลงทุนตามกลยุทธ์ USFIXEDETF โดยเริ่มต้นลงทุนด้วยเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการใช้สัดส่วนการลงทุนที่แตกต่างกันตามสภาวะเศรษฐกิจ เช่น ในช่วงปี 2017 ถึง ปลายปี 2018 เป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้น (Rising Interest) ส่งผลให้ตราสารหนี้ที่อายุคงเหลือยาวมีความผันผวน กลยุทธ์จึงเน้นถือตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นหลัก ทำให้มูลค่าพอร์ตการลงทุน (เส้นสีฟ้า) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ผันผวนต่ำ และทำได้ดีกว่า Benchmark (เส้นสีส้ม) เป็นต้น

 

 
image.png

หมายเหตุ:

  • Benchmark : คำนวณโดยใช้ Bloomberg US Aggregate Total Return 100%
  • ผลตอบแทนจากการทดสอบย้อนหลังเป็นสกุลเงิน USD โดยรวมเงินปันผลแต่ไม่ได้นำมาลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งอยู่ในช่วงเวลา 01/02/2017 – 28/12/2023 (โดยรวมค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์และภาษีเงินปันผลหัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 30% แต่ยังไม่ได้รวมค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนในอัตรา 0.3% ต่อปี)
  • จำนวนเงินลงทุนที่ต่างกันอาจส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนมีความแตกต่างจากผลการทดสอบย้อนหลัง หรือผลการดำเนินงานในอดีต ทั้งนี้ผลการทดสอบย้อนหลังหรือผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนจากการลงทุนในอนาคต


จากรูปแสดงการปรับตัวลงของพอร์ตการลงทุนจากจุดสูงสุดในแต่ละช่วงเวลา โดยจะเห็นได้ว่าความเสี่ยงสูงสุดที่กลยุทธ์เคยปรับตัวลดลงคือ -14.02% (เส้นสีฟ้า) ในปี 2020 ที่หลายๆสินทรัพย์มีการปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ของ Benchmark -18.41% (พื้นที่สีส้ม) ในปี 2021-2022 ที่ Fed ขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาตราสารหนี้ที่อายุคงเหลือยาวปรับตัวลดลงอย่างมาก 



สรุปผลตอบแทนและความเสี่ยงของ US Fixed Income ETF Portfolio

image.png

หมายเหตุ:

  • Benchmark : คำนวณโดยใช้ Bloomberg US Aggregate Total Return 100%
  • ผลตอบแทนจากการทดสอบย้อนหลังเป็นสกุลเงิน USD โดยรวมเงินปันผลแต่ไม่ได้นำมาลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งอยู่ในช่วงเวลา 01/02/2017 – 28/12/2023 (โดยรวมค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์และภาษีเงินปันผลหัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 30% แต่ยังไม่ได้รวมค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนในอัตรา 0.3% ต่อปี)
  • จำนวนเงินลงทุนที่ต่างกันอาจส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนมีความแตกต่างจากผลการทดสอบย้อนหลัง หรือผลการดำเนินงานในอดีต ทั้งนี้ผลการทดสอบย้อนหลังหรือผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนจากการลงทุนในอนาคต


ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

  • ความเสี่ยงจากภาวะราคา ETF ในตลาดผันผวน
  • ความเสี่ยงเฉพาะจากบริษัทจัดการ ETF
  • ความเสี่ยงเฉพาะประเทศ (Country Risk) เช่น เศรษฐกิจ, กฎหมาย, การเมือง, ภาษี เป็นต้น
  • ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน


ค่าธรรมเนียมประกอบด้วย

  1. ค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage Fee) เป็นไปตามที่บริษัทประกาศกำหนด รายละเอียดคลิกที่นี่ https://bls.tips/globalinvestingfee
  2. ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุน (Management Fee) ในอัตราร้อยละ 0.3 ต่อปี ของมูลค่าสินทรัพย์ (ซึ่งอัตราดังกล่าวยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
 
ท่านสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนหรือ BLS Customer Service
โทรศัพท์ 0-2618-1111 หรือ Email : [email protected]

 
 

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง