
สอนลงทุน
Tools
ทำไมขายหุ้นแล้วต้นทุนในพอร์ตเปลี่ยนไป ?
เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไมเวลาที่เราซื้อหุ้นตัวเดิมหลาย ๆ รายการแล้วค่อย ๆ ทยอยขายออก ต้นทุนถึงเปลี่ยนไปจากเดิม หรือแม้กระทั่งคิดว่าขายครั้งนี้ได้กำไรแน่นอน ก็กลับกลายเป็นขาดทุน วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยให้กับผู้อ่านกันค่ะ 😊
สาเหตุที่ขายหุ้นแล้วต้นทุนในพอร์ตเปลี่ยนไป
เนื่องจากต้นทุนที่เห็นในโปรแกรม Streaming เป็นการคำนวณต้นทุนแบบ FIFO นั่นเอง ซึ่งข้อสังเกตของการคำนวณต้นทุนแบบ FIFO จะเห็นว่า...หากเราซื้อหุ้นตัวเดิมหลายรายการ เมื่อขายหุ้นทั้งหมดในครั้งเดียวก็จะไม่พบว่าผิดปกติ แต่หากไม่ได้ขายออกทั้งหมด ต้นทุนในพอร์ตที่จะขายหุ้นที่ซื้อรายการแรก ๆ ออกไปก่อน และแสดงต้นทุนใหม่ด้วยรายการที่ซื้อถัดมา
FIFO กับต้นทุนเฉลี่ยคืออะไร
- ต้นทุนตามวิธีเข้าก่อน-ออกก่อน (First-in, First-out) หรือที่เรียกกันว่า FIFO ซึ่งคำนวณโดยเอาราคาต้นทุนหุ้นที่ซื้อเข้ามาก่อนมาคำนวณเป็นต้นทุนขายก่อน
- ต้นทุนถัวเฉลี่ย (Average Cost) คือ การคำนวณมูลค่าหุ้นแบบถัวเฉลี่ย โดยสามารถคำนวณจากมูลค่าหุ้นทั้งหมดหารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด
สูตรการคำนวณ

ตัวอย่าง
- วันที่ 1 ม.ค. ซื้อหุ้น ABC 500 หุ้น ที่ราคา 10 บาท
- วันที่ 2 ม.ค. ซื้อหุ้น ABC 500 หุ้น ที่ราคา 15 บาท
- วันที่ 3 ม.ค. ขายหุ้น ABC 700 หุ้น
คำนวณต้นทุนขายแบบ FIFO
- โดยการขาย 700 หุ้น จะต้องขายไม้แรกที่ซื้อหุ้นเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 500 หุ้น ออกไปก่อน และอีก 200 หุ้นที่เหลือ ให้ขายจากไม้ที่ซื้อในวันที่ 2 ม.ค.
- ทำให้ต้นทุนขายแบบ FIFO คือ 500x10 จากต้นทุนของไม้แรก รวมกับ 200x15 จากไม้สอง แล้วนำมาหารด้วย จำนวนหุ้นที่ขายทั้งหมดคือ 700 หุ้น
- ดังนั้น ต้นทุนขายแบบ FIFO = (500x10 + 200x15) / 700 = 11.4286 บาทต่อหุ้น

คำนวณต้นทุนคงเหลือแบบ FIFO
- จากตัวอย่างก่อนหน้า เมื่อขายหุ้นออกไป 700 หุ้นแล้ว ทำให้เหลือหุ้นจากไม้สอง วันที่ 2 ม.ค. อยู่ 300 หุ้น
- ทำให้ต้นทุนคงเหลือแบบ FIFO คือ 300x15 มาจากหุ้นที่เหลืออยู่ 300 หุ้น และซื้อมาด้วยราคา 15 บาท ของวันที่ 2 ม.ค. หารด้วย จำนวนหุ้นที่เหลือทั้งหมดคือ 300 ดังนั้น
- ต้นทุนคงเหลือแบบ FIFO = (300x15) / 300 = 15 บาทต่อหุ้น
ตัวอย่างการซื้อขาย การคำนวณต้นทุนแบบ FIFO และการแสดงผลบน Streaming
ตัวอย่างการคำนวณที่ 1
- 1 ม.ค. ซื้อหุ้น ABC 200 หุ้น ราคา 10 บาท
- ต้นทุนที่แสดง: คำนวณแบบถัวเฉลี่ย
ดังนั้น ต้นทุนที่ปรากฎจะเป็น (200x10)/200 เท่ากับ 10 บาทต่อหุ้น
หากรวมค่าธรรมเนียมและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว = 10.0168 บาทต่อหุ้น
หากรวมค่าธรรมเนียมและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว = 10.0168 บาทต่อหุ้น

- 2 ม.ค. ซื้อหุ้น ABC 100 หุ้น ราคา 12 บาท
- ต้นทุนที่แสดง: คำนวณแบบถัวเฉลี่ย
ดังนั้น ต้นทุนใหม่ที่ปรากฎจะเป็น [(200x10) + (100x12)]/300 เท่ากับ 10.67 บาทต่อหุ้น
เมื่อรวมค่าธรรมเนียมและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว = 10.6846 บาทต่อหุ้น
เมื่อรวมค่าธรรมเนียมและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว = 10.6846 บาทต่อหุ้น

- 2 ม.ค. ขายหุ้น ABC 300 หุ้น ราคา 12 บาท
- ระบบจะแสดงหุ้นคงเหลือเป็น 0 และคำนวณกำไรสุทธิจากการขาย (Realized)

ตัวอย่างการคำนวณที่ 2 ซื้อหุ้นเหมือนกับตัวอย่างที่ 1
- 1 ม.ค. ซื้อหุ้น ABC 200 หุ้น ราคา 10 บาท
- 2 ม.ค. ซื้อหุ้น ABC 100 หุ้น ราคา 12 บาท
- ต้นทุนที่แสดง: คำนวณแบบถัวเฉลี่ย
ดังนั้น ต้นทุนใหม่ที่ปรากฎจะเป็น (200x10)+(100x12)/300 = 10.67 บาทต่อหุ้น
เมื่อรวมค่าธรรมเนียมและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว = 10.6846 บาทต่อหุ้น

เมื่อรวมค่าธรรมเนียมและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว = 10.6846 บาทต่อหุ้น

เมื่อถึงวันที่ 5 ม.ค. หุ้นขึ้นมาที่ราคา 20 บาทต่อหุ้น จึงขายหุ้น ABC 150 หุ้น ที่ราคา 20 บาท
- ระบบจะแสดงหุ้นคงเหลือเป็น 150 หุ้น
- ต้นทุนที่แสดง: คำนวณแบบถัวเฉลี่ย
ดังนั้น ต้นทุนที่ปรากฎจะเป็น (200x10)+(100x12)/300 เท่ากับ 10.67 บาทต่อหุ้น
เมื่อรวมค่าธรรมเนียมและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว 10.6846 บาทต่อหุ้น
และคำนวณกำไร Realized ดังนั้น กำไรสุทธิเท่ากับ 1397.31 บาท
เมื่อรวมค่าธรรมเนียมและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว 10.6846 บาทต่อหุ้น
และคำนวณกำไร Realized ดังนั้น กำไรสุทธิเท่ากับ 1397.31 บาท

ข้อสังเกต : โดยในความเป็นจริงแล้ว หากขายหุ้นไม่หมด กำไรที่แสดงในระบบนั้นจะไม่ใช่กำไรที่แท้จริง
โดยในกรณีที่ขายหุ้นไม่หมดกำไรที่เกิดจากการขายหุ้น 150 หุ้นต้องคิดจาก
ราคาขาย - ต้นทุนขายแบบ FIFO
หากซื้อก้อนไหนเข้ามาก่อนต้องขายก้อนนั้นออกไปก่อน โดยเราจะขายหุ้น 150 หุ้นออกไปจากก้อนวันที่ 1 ม.ค. ก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากวันที่ 1 ม.ค. ซื้อหุ้นมา 200 หุ้น ทำให้กรณีนี้ต้นทุนขาย แบบ FIFO = (150x10)/150 = 10 บาทต่อหุ้น แต่ในระบบแสดงเป็น 10.6846 บาทต่อหุ้น เพราะคิดจากต้นทุนถัวเฉลี่ย ดังนั้นกำไรที่แท้จริงของการขายหุ้น 150 หุ้นนี้
= (ราคาขาย - ต้นทุนขายแบบ FIFO)xจำนวนหุ้น
= ( 20-10)x150 = 1500 บาท
6 ม.ค. ต้นทุนเปลี่ยนแปลงโดยคิดด้วยระบบ FIFO
- ต้นทุนที่แสดง: คำนวณแบบ FIFO
ออกไปจากก้อนวันที่ 1 ม.ค. ก่อน ทำให้
- ก้อนวันที่ 1 ม.ค. เหลือ 50 หุ้น หุ้นละ 10 บาท
- ก้อนวันที่ 2 ม.ค. เหลือ 100หุ้น หุ้นละ 12 บาท
ต้นทุนคงเหลือแบบ FIFO ที่ปรากฎจะเป็น (50x10)+(100x12)/150 = 11.33 บาทต่อหุ้น
เมื่อรวมค่าธรรมเนียมและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว = 11.3524 บาทต่อหุ้น

แล้วเราสามารถดู ต้นทุนแบบ FIFO ได้จากที่ไหน?
วิธีเข้าใช้งานผ่านโปรแกรม Streaming
- Login เข้าโปรแกรม Streaming
- เลือกเมนู Portfolio
- ต้นทุนแบบ FIFO จะแสดงดังรูป
การแสดงผลบน Smart Phone
การแสดงผลบน PC

หมายเหตุ : โดยหากมีการแบ่งขายหุ้น ค่า Avg. Cost จะเปลี่ยนแปลงไปในวันถัดไป อย่างไรก็ตาม ในโปรแกรม TradeMaster และ aspen bualuang trade ต้นทุนที่แสดงอยู่ในโปรแกรมก็มีวิธีการคำนวณต้นทุนและแสดงผลเหมือนกับต้นทุนใน Streaming เช่นกัน
แล้วเราสามารถดู Avg. Cost ได้จากที่ไหน?
วิธีเข้าใช้งานผ่านเมนู iTracker บนหน้า เว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง
- Login เข้าใช้งาน เว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง
- เลือกเมนู POST-TRADE
- เลือกเมนูย่อย iTracker

โดยในเมนู Itraker จะแสดง Trading Cycle แสดงรายละเอียดการซื้อขายหุ้นรายตัว โดยราคาที่ปรากฏจะแสดงด้วยราคาต้นทุนถัวเฉลี่ยเสมอดังนี้

📌 เปิดบัญชีหุ้นออนไลน์กับหลักทรัพย์บัวหลวง สะดวก ง่าย ไม่ต้องส่งเอกสาร คลิก 👇
ผู้ลงทุนจะต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน…สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บมจ. หลักทรัพย์บัวหลวง โทร. 0-2618-1111
สอนลงทุน
บริการ
Tools
Tips
Global
DR01
สอนลงทุน
Tips
Tools
สอนลงทุน
สอนลงทุน
Tools
Tips