
บริการ Share Loan by NestiFly เป็นสินเชื่อรูปแบบใหม่ที่ให้ลูกค้าสามารถขอสินเชื่อได้ง่าย ๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ เพียงแค่มีหุ้น SET100 ผู้ที่สนใจสามารถเริ่มใช้บริการได้โดยดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Share Loan by NestiFly เพื่อลงทะเบียนและยืนยันตัวตนได้บน Google Play
ลูกค้าสามารถศึกษาขั้นตอนการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนได้ คลิกที่นี่ สำหรับผู้ที่ยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว สามารถส่งคำขอสินเชื่อได้ทันที โดยมีขั้นตอนหลัก 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1. โอนหุ้นหลักประกันเข้าบัญชี P2P 2. สร้างคำขอสินเชื่อ 3. อัปโหลดรายงานข้อมูลเครดิตแบบมีคะแนนจากเครดิตบูโร
ขั้นตอนที่ 1 : โอนหุ้นหลักประกันเข้าบัญชี P2P
เมื่อลูกค้ามีบัญชี P2P พร้อมใช้งานแล้ว ลูกค้าสามารถโทรติดต่อผู้แนะนำการลงทุนของลูกค้าเพื่อแจ้งโอนหุ้นที่ต้องการใช้เป็นหลักประกันเข้าบัญชี P2P
ขั้นตอนที่ 2 : การขอสินเชื่อ Share Loan by NestiFly
1. สำหรับผู้ที่เลือก “ขอสินเชื่อผ่าน NestiFly” เป็นครั้งแรก แอปจะแสดงหน้าจอข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการในฐานะผู้กู้ ให้ลูกค้าศึกษาเงื่อนไขและกด “ฉันเข้าใจและยอมรับเงื่อนไขสัญญานี้” เพื่อยอมรับสัญญาบริการของ NestiFly และดำเนินการสร้างคำขอสินเชื่อ 2. เลือก “สร้างคำขอกู้เงินใหม่” เข้าสู่ระบบบัวหลวงโดยกรอกชื่อผู้ใช้เป็นเลขที่บัญชีหลักทรัพย์บัวหลวง 6 หลักของลูกค้าและรหัสผ่าน เมื่อล็อคอินสำเร็จแล้วกดปุ่ม X หรือ Done ด้านซ้ายบน
3. กำหนดเงื่อนไขในการขอสินเชื่อตามความต้องการของลูกค้า โดยสามารถเลือกได้ดังนี้ 3.1 เลือกระดับ LTV ของหุ้นแต่ละกลุ่ม และจำนวนหุ้นที่ต้องการใช้เป็นหลักประกันเพื่อกำหนดวงเงิน โดยการสไลด์วงกลมสีเหลือง ซึ่งในปัจจุบันกำหนดได้ระหว่าง 30 - 50% กลุ่มหุ้นมี 2 กลุ่ม ได้แก่ MAX50 ความเสี่ยงต่ำ สามารถขอกู้ได้ถึง LTV 50% และ MAX40 ความเสี่ยงสูงกว่า สามารถขอกู้ได้ถึง LTV 40% หมายเหตุ : LTV คือ อัตราส่วนมูลค่าสินเชื่อต่อหลักประกัน โดยที่ LTV ยิ่งต่ำ อัตราดอกเบี้ยก็จะยิ่งต่ำไปด้วย แต่จะได้วงเงินสินเชื่อน้อยลง 3.2 เลือกจำนวนหุ้นที่ต้องการใช้เป็นหลักประกัน 3.3 เลือกระยะเวลาที่ต้องการขอกู้ได้ระหว่าง 90 และ 180 วัน 3.4 เลือกวัตถุประสงค์การกู้ ระหว่างกู้เพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนตัว หรือกู้เพื่อประกอบธุรกิจ (ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของทั้ง 2 แบบเท่ากัน) ในกรณีที่เลือกวัตถุประสงค์เป็นธุรกิจ จะต้องกรอกข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจเพิ่มเติม 3.5 เมื่อกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ เสร็จแล้ว ให้กด “คำนวณดอกเบี้ย” เพื่อดำเนินการต่อ
4. ตรวจสอบเงื่อนไขการขอสินเชื่ออีกครั้งและเลือก “ดำเนินการต่อ” ในกรณีที่พบข้อผิดพลาดหรืออยากปรับเปลี่ยนเงื่อนไขคำขอสินเชื่อ ผู้ขอสินเชื่อสามารถกดปุ่ม “ย้อนกลับ” เพื่อกลับไปแก้ไขรายละเอียดเกณฑ์คำขอสินเชื่ออีกครั้ง
5. ตรวจสอบร่างสัญญากู้ยืมเงิน เลือกกล่องด้านหน้า “ข้าพเจ้ายืนยันว่าได้ตรวจสอบความถูกต้องและยอมรับเงื่อนไขการขอกู้” และเลือก “ยืนยันและส่งคำขอกู้นี้” เพื่อส่งคำขอสินเชื่อ ในการกดยืนยันนี้แปลว่าผู้ขอสินเชื่อได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เรียบร้อยแล้ว (E-Signature) และสัญญาจะมีผลทันทีเมื่อจับคู่สำเร็จ
ขั้นตอนที่ 3 : อัปโหลดรายงานข้อมูลเครดิตจากเครดิตบูโร
ผู้กู้จะต้องอัปโหลดรายงานข้อมูลเครดิต (NCB) แบบมีคะแนนเครดิตมีอายุไม่เกิน 3 เดือน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยสามารถศึกษาช่องทางการขอรายงานข้อมูลเครดิตได้ คลิกที่นี่ กรณีผู้ขอสินเชื่อมีรายงานข้อมูลเครดิต 1. ให้เลือก “ถ่ายภาพรายงาน NCB” และถ่ายภาพรายงานทุกหน้าให้อยู่ภายในกรอบสีฟ้า 2. เมื่อถ่ายเสร็จแต่ละหน้าให้เลือก “OK” 3. เมื่อถ่ายครบทุกหน้าแล้วให้เลือก “ยืนยันการส่งรายงานเครดิต” 4. เมื่อยืนยันการส่งรายงานเครดิตแล้ว แอปจะแสดงหน้าจอสรุปเงื่อนไขการขอสินเชื่อให้ลูกค้าตรวจสอบอีกครั้ง หากถูกต้องแล้วให้เลือก “ดำเนินการต่อ” และถือเป็นอันเสร็จสิ้นการส่งคำขอสินเชื่อ ระบบจะทำการอนุมัติและแจ้งผลให้ทราบภายใน 1 วันทำการ กรณีผู้ขอสินเชื่อไม่มีรายงานข้อมูลเครดิต 1. ผู้ขอสินเชื่อสามารถกดปุ่ม “ช่องทางและวิธีการรายงาน NCB” เพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอรายงาน NCB 2. ผู้ขอสินเชื่อสามารถสามารถเลือก “ข้ามขั้นตอนนี้ก่อน” ได้ โดยแอปจะแสดงหน้า Dashboard โดยลูกค้าสามารถอัปโหลดรายงานข้อมูลเครดิตตามหลังได้ ในกรณีที่ไม่สามารถอัปโหลดรายงานได้ภายใน 7 วัน ระบบจะยกเลิกคำขอสินเชื่อของลูกค้าโดยอัตโนมัติ
เพียงเท่านี้ลูกค้าก็สามารถสร้างคำขอสินเชื่อและรอรับเงินได้ง่ายๆ ในเวลาเพียง 1 วันทำการ โดยเงินที่ได้รับจะถูกโอนเข้าบัญชี P2P ของลูกค้า ซึ่งลูกค้าสามารถสั่งถอนได้ผ่านแอปพลิเคชัน Streaming หรือระบบ i-Trading บนเว็บไซต์ www.bualuang.co.th