
Global
วันนี้วันเสาร์อีกแล้วนะคะ...พบกับ 5 หุ้นยอดฮิตในทุกต้นเดือนกันอีกครั้ง
วันนี้ทีม BLS Global Investing ชวนทำความรู้จักหุ้นต่างประเทศให้มากขึ้น ผ่าน 5 หุ้นสุดฮิต
ประจำเดือนเมษายน 2565 กันค่ะ
5 หุ้นยอดฮิต ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

1. Tesla Inc. (TSLA)

วันนี้ทีม BLS Global Investing ชวนทำความรู้จักหุ้นต่างประเทศให้มากขึ้น ผ่าน 5 หุ้นสุดฮิต
ประจำเดือนเมษายน 2565 กันค่ะ
5 หุ้นยอดฮิต ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

1. Tesla Inc. (TSLA)

Source: Tesla.com as of 6/5/65
ไตรมาสล่าสุด (1Q22) Tesla ได้ผลิตรถยนต์กว่า 3.05 แสนคัน และได้ส่งมอบไปกว่า 3.1 คัน ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากสภาวะขาดแคลนชิปที่ใช้สำหรับรถยนต์และการปิดตัวของโรงงานต่าง ๆ และในไตรมาสเดียวกัน รายได้รวมแตะ 18.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 81%
2. Coupang (CPNG)
บริษัท E-Commerce ของเกาหลี ผู้เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ ปัจจุบันจำหน่ายสินค้าหลากหลาย อีกทั้งผู้ใช้ต่อปี สำหรับปี 64 ของแพลตฟอร์ม COUPANG แตะ 18 ล้านราย จากจำนวนผู้ซื้อของออนไลน์ในเกาหลีจำนวนกว่า 37 ล้ายรายในปีเดียวกัน
เทรนด์การช้อปปิ้งในเกาหลีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 64 มูลค่าซื้อขายรวมอยู่ที่ 483 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสัดส่วนการซื้อของออนไลน์หรือการช้อปปิ้งออนไลน์คิดเป็นราว 41% หรือคิดเป็นมูลค่า 196 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ในปี 2568 ข้อมูลจาก Euromonitor คาดว่ามูลค่าการซื้อออนไลน์อาจเพิ่มขึ้นแตะ 291 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โตถึง 48% หรือ CAGR 6% ต่อปี
3. Shopify (SHOP)
บริษัทแพลตฟอร์ม Cloud ที่ให้บริการกับร้านค้าที่ต้องการทำการตลาดแบบ Omnichannel ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในปัจจุบัน ในไตรมาสล่าสุด (1Q22) รายได้รวมโต 22% เทียบกับ 1Q21 แตะ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และโตเฉลี่ยปีละ 60% ต่อปี นับตั้งแต่ปี 64-65 หนุนจากสภาวะการระบาดโควิด-19 ใน 2 ปีที่ผ่านมา ที่ทำให้หลายร้านค้าปรับตัวและทำให้สามารถตจำหน่ายสินค้าได้ทุกที่ทั่วโลกมากขึ้น
รายได้หลักจาก Shopify มาจาก 2 ส่วนหลัก คือ รายได้จาก Subscription Solutions อยู่ที่ 344.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนหนึ่งมาจากการเรียบเก็บค่าบริการรายเดือน (Monthly Recurring Revenue: MRR) ที่เพิ่มขึ้นกว่า 17% เมื่อเทียบกับ 1Q21 แตะ 105.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีก 1 ส่วนหลัก คือ Merchant Solutions ที่มีรายได้แตะ 858.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โตกว่า 29% เทียบกับปี 64 หนุนจากการเพิ่มขึ้นของ GMV และบริการเสริมอื่น ๆ เช่น Shopify Payments, Shopify Capital, and Shopify Markets
4. Roblox (RBLX)
ผู้ผลิตและออกแบบแพลตฟอร์มเกมที่มีชื่อว่า “Roblox” และยังพัฒนาโลกเสมือนจริงแบบ 3D ในสหรัฐฯ ผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 64 ที่ผ่านมา รายได้โตกว่า 83% เมื่อเทียบปีก่อน แตะ 568.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตัวเลขผู้ใช้งานต่อวัน (DAUs) แตะ 49.5 ล้านราย เพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 33% จากปีก่อน
ล่าสุด แอปฯ เพลงสตรีมมิ่งชื่อดังอีกหนึ่งค่ายอย่าง Spotify ประกาศทำธุรกิจต่อยอดบนโลกเสมือนจริง Metaverse โดยได้สร้างพื้นที่เสมือนจริงที่มีชื่อว่า Spotify Island บนแพลตฟอร์ม Roblox
5. Nio (NIO)
2. Coupang (CPNG)
บริษัท E-Commerce ของเกาหลี ผู้เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ ปัจจุบันจำหน่ายสินค้าหลากหลาย อีกทั้งผู้ใช้ต่อปี สำหรับปี 64 ของแพลตฟอร์ม COUPANG แตะ 18 ล้านราย จากจำนวนผู้ซื้อของออนไลน์ในเกาหลีจำนวนกว่า 37 ล้ายรายในปีเดียวกัน
เทรนด์การช้อปปิ้งในเกาหลีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 64 มูลค่าซื้อขายรวมอยู่ที่ 483 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสัดส่วนการซื้อของออนไลน์หรือการช้อปปิ้งออนไลน์คิดเป็นราว 41% หรือคิดเป็นมูลค่า 196 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ในปี 2568 ข้อมูลจาก Euromonitor คาดว่ามูลค่าการซื้อออนไลน์อาจเพิ่มขึ้นแตะ 291 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โตถึง 48% หรือ CAGR 6% ต่อปี
3. Shopify (SHOP)
บริษัทแพลตฟอร์ม Cloud ที่ให้บริการกับร้านค้าที่ต้องการทำการตลาดแบบ Omnichannel ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในปัจจุบัน ในไตรมาสล่าสุด (1Q22) รายได้รวมโต 22% เทียบกับ 1Q21 แตะ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และโตเฉลี่ยปีละ 60% ต่อปี นับตั้งแต่ปี 64-65 หนุนจากสภาวะการระบาดโควิด-19 ใน 2 ปีที่ผ่านมา ที่ทำให้หลายร้านค้าปรับตัวและทำให้สามารถตจำหน่ายสินค้าได้ทุกที่ทั่วโลกมากขึ้น
รายได้หลักจาก Shopify มาจาก 2 ส่วนหลัก คือ รายได้จาก Subscription Solutions อยู่ที่ 344.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนหนึ่งมาจากการเรียบเก็บค่าบริการรายเดือน (Monthly Recurring Revenue: MRR) ที่เพิ่มขึ้นกว่า 17% เมื่อเทียบกับ 1Q21 แตะ 105.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีก 1 ส่วนหลัก คือ Merchant Solutions ที่มีรายได้แตะ 858.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โตกว่า 29% เทียบกับปี 64 หนุนจากการเพิ่มขึ้นของ GMV และบริการเสริมอื่น ๆ เช่น Shopify Payments, Shopify Capital, and Shopify Markets
4. Roblox (RBLX)
ผู้ผลิตและออกแบบแพลตฟอร์มเกมที่มีชื่อว่า “Roblox” และยังพัฒนาโลกเสมือนจริงแบบ 3D ในสหรัฐฯ ผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 64 ที่ผ่านมา รายได้โตกว่า 83% เมื่อเทียบปีก่อน แตะ 568.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตัวเลขผู้ใช้งานต่อวัน (DAUs) แตะ 49.5 ล้านราย เพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 33% จากปีก่อน
ล่าสุด แอปฯ เพลงสตรีมมิ่งชื่อดังอีกหนึ่งค่ายอย่าง Spotify ประกาศทำธุรกิจต่อยอดบนโลกเสมือนจริง Metaverse โดยได้สร้างพื้นที่เสมือนจริงที่มีชื่อว่า Spotify Island บนแพลตฟอร์ม Roblox
5. Nio (NIO)

Source: ir.nio.com
ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV จากจีน ก่อตั้งในปี 2557 และมีแผนพัฒนานวัตกรรมด้านการขับขี่ อาทิ การขับขี่แบบไร้คนขับ เทคโนโลยีในรถยนต์ และแบตเตอรี่ไฟฟ้า เป็นต้น ในหลายปีที่ผ่านมา Nio เปิดตัวรถยนต์ต่อเนื่อง ล่าสุดในช่วงต้นปี เดือนม.ค. 64 ได้มีการเปิดตัว ET7 และช่วงเดือนธ.ค. 64 ที่เปิดตัวรถยนต์รุ่น ET5 อีกทั้งในเดือนมี.ค. 65 ที่ผ่านมา เป็นเดือนแรกที่ทาง Nio ได้เริ่มส่งมอบรถยนต์รุ่น ET7

Source: nio.com
ล่าสุด Nio ตัดสินใจเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) นับว่าเป็นการทำ Secondary Listing หรือการจดทะเบียนในตลาดรองอีกหนึ่งตลาดของ Nio
หากเทียบกับ Tesla แล้ว Nio ในช่วงไตรมาส 1 ปี 65 ยอดส่งมอบรถยนต์รวมราว 193,000 คัน ขณะที่ Tesla มียอดส่งมอบราว 310,000 คัน
5 หุ้นยอดฮิต ในตลาดหุ้นฮ่องกง

1. Lapco Holdings (8472)
บริษัทชั้นนำในการดำเนินธุรกิจหลักในการให้บริการด้านสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม บริษัทดำเนินธุรกิจหลักผ่าน 4 ส่วนงานธุรกิจ ได้แก่ 1. บริการทำความสะอาด รวมถึงบริการทำความสะอาด ทั้งของอาคารของรัฐและเอกชน ที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และอุตสาหกรรม
2. บริการจัดการศัตรูพืช
3. บริการจัดการของเสียและรีไซเคิล
4. บริการจัดสวน
โดยปัจจุบันดำเนินธุรกิจในประเทศฮ่องกงเป็นหลัก
ผลประกอบการงบกำไร-ขาดทุนในปี 2563-2564

Source: http://www.lapco.com.hk/
2. Tencent Holdings (700)
บริษัทอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีชั้นนำของโลกที่พัฒนาผลิตภัณฑ์และให้บริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เน้นการเชื่อมต่อผู้คนมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก โดยในปี 2021 ที่ผ่านมา ราว 50% ของรายได้มาจาก VAS ซึ่งหมายถึง การให้บริการจากแพลตฟอร์มเกม และ Social network ที่เป็นที่รู้จักดีในปัจจุบัน ขณะที่รายได้ส่วนอื่น อีกกว่า 50% ของรายได้รวมไตรมาสล่าสุด มาจากการขายสื่อโฆษณาออนไลน์ (Advertising) และอื่น ๆ
ตัวอย่างเกมของ Tencent ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมมากในโลก อาทิ League of Legends: Wild Rift, Happy Mahjong, Sumo Digital และ Funcom เป็นต้น ส่วนตัวอย่างแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่คนใช้กันในชีวิตประจำวัน เช่น WeChat, QQ, Tencent Esport, Tencent Map ฯลฯ
นอกจากนี้ Tencent ยังมีการพัฒนาธุรกิจอื่นเพิ่ม เช่น Cloud Computing, FinTech และธุรกิจบริการให้กับองค์กรอื่น ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตัลของลูกค้าและการเติบโตของธุรกิจทั่วโลก
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าติดตาม คือ ในเดือนก.พ. 65 ที่ผ่านมา Tencent ได้ประกาศแผนเปิดตัวโครงการริเริ่ม Carbon Neutrality ด้วยการเผยแพร่แผนลดมลพิษที่เกิดขึ้นจากธุรกิจให้น้อยที่สุด และเปิดตัว Green Power นวัตกรรมยั่งยืนเพื่อคุณค่าทางสังคมที่ใช้เงินลงทุนเริ่มต้น 50 พันล้านหยวนจีน ภายในปี 2030
3. Xiaomi (1810)
ผู้ออกแบบและผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคและซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเครื่องใช้ในบ้าน และของใช้ในครัวเรือนชาวจีนและคนทั่วโลก โดยปัจจุบัน Xiaomi เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่คงตำแหน่งอันดับ 3 ของโลก ในแง่ยอดส่งมอบไตรมาส 1 ปี 65 นอกจากนี้...สินค้า Xiaomi มีวางจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศและภูมิภาค ราคาจับต้องได้
ปัจจุบัน Xiaomi เน้นพัฒนาอุปกรณ์อัจฉริยะต่อเนื่อง ที่มีการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม เช่น ลำโพงอัจฉริยะ, เซ็นเซอร์สัมผัสการดูแลดอกไม้อัจฉริยะ, สมาร์ทโปรเจ็กเตอร์ ฯลฯ (ไม่รวมสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต และแล็ปท็อป) ปัจจุบันมียอดผลิตกว่า 400.1 ล้าน เครื่อง!
4. Alibaba Group Holding (9988)
ธุรกิจของ Alibaba ประกอบด้วย การค้าขายพาณิชย์ระหว่างประเทศ พัฒนาแพลตฟอร์มให้กับผู้บริโภคในท้องถิ่น Cainiao รวมถึงให้บริการ Cloud, การสร้างสื่อดิจิทัลและความบันเทิง และธุรกิจน้องใหม่ อย่าง New Initiatives ที่เน้นสร้างธุรกิจด้านนวัตกรรม
ยกตัวอย่าง บริษัทย่อย Ant Group (ธุรกิจแพลตฟอร์มชำระเงิน) ที่ให้บริการชำระเงินดิจิทัลและนำเสนอบริการทางการเงินดิจิทัลแก่ผู้บริโภค ร้านค้า บนแพลตฟอร์มของ Alibaba
5. Semiconductor Manufacturing International Corp. หรือ SMIC (981)
SMIC เป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดและชั้นนำของจีนที่ให้บริการโรงหล่อวงจรและเทคโนโลยีที่เติบโตเร็ว แม้ว่าจะยังคงเป็นรุ่นหลังผู้นำระดับโลก เช่น TSMC, UMC และ Samsung แต่ยอดขายและความนิยม SMIC ก็โตดีตามมาอย่างติด ๆ นอกจากนี้ SMIC ยังจัดหาชิปให้กับแอปพลิเคชันและสินค้าที่หลากหลาย เช่น สมาร์ทโฟน, รถยนต์ไฟฟ้า, สินค้า IoT และชิปสำหรับใช้ในระบบ 5G และ Cloud โดย SMIC ตั้งเป้าที่จะผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ให้สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดจีนกว่า 70% ภายในปี 68 พร้อมกับแรงผลักดันจากการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์จากรัฐบาลจีน
5 หุ้นยอดฮิต ในตลาดหุ้นเวียดนาม

1. Vincom Retail JSC (VRE)
บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจ และบริหารห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยมีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าที่หลากหลายและชั้นนำในเวียดนาม (คล้าย CPN ของไทย) อาทิ Vincom Center, Vincom Mega Mall, Vincom Plaza and Vincom+ เป็นต้น อีกทั้งปัจจุบันยังขยายฐานรายได้ โดยเข้าบริหารอสังหาฯ กลุ่มที่อยู่อาศัย และอาคารสำนักงาน อีกด้วย
ปัจจุบันรายได้เริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังคนเวียดนามเริ่มกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติมากขึ้น โดยหากดูจากรายได้จากการให้เช่าของ VRE รายได้ไตรมาส 1 ปี 65 แตะ 1.25 ล้านล้านเวียดนามดอง ซึ่งโตคิดเป็น 40% เมื่อเทียบกับไตรมส 4 ปี 64 ขณะที่ พื้นที่ GFA ปัจจุบันอยู่ที่ 1.65 ล้านตารางเมตร

Source: ir.vincom.com.vn
2. Airports Corp. of Vietnam (ACV)
บริษัทที่ดำเนินธุรกิจคล้าย AOT ของไทย ปัจจุบัน ACV บริหารสนามบินในเวียดนามกว่า 21 แห่ง สำหรับ ACV รายได้รายไตรมาส ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่หากย้อนกลับไปดูข้อมูลรายได้ของ ACV ในปี 64 นั้นอยู่ที่ 4.75 ล้านล้านเวียดนามดอง หดตัวกว่า 38% เมื่อเทียบปี 63 ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 4.8 แสนล้านเวียดนามดอง หดตัวกว่า 71% เทียบกับปี 63
อย่างไรก็ดี ACV มีแนวโน้มที่ผลประกอบการอาจโตในปีนี้ โดยเฉพาะในไตรมาส 2 ปี 65 ที่หลายสาบการบินเริ่มเปิดให้บริการอีกครั้ง ส่วนราคาหุ้น ACV นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาดโควิด-19 หุ้น ACV ยังโตได้คิดเป็นราว 17% !!
3. FPT Digital Retail (FRT)
บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้า IT อาทิ สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต แล็ปท็อป ฯลฯ อีกทั้งให้บริการด้าน IT อื่น ๆ เช่น การให้บริการด้าน Data Center, ระบบโทรคมนาคม ฯลฯ
ในไตรมาสล่าสุด ไตรมาส 1 ปี 65 รายได้รวม 7.79 ล้านล้านเวียดนามดอง โตถึง 67% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 64 โดยในไตรมาสเดียวกันนี้ บริษัทสามารถบรรลุเป้ารายได้รวมปี 65 คิดเป็นกว่า 29% ขณะที่รายได้จาก Long Chau (รายได้จากร้านขายยาด้านเภสัชกรรม) อยู่ที่ 2.16 ล้านล้านเวียดนามดอง โตกว่า 3.7 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน
ตัวเลขยอดขายออนไลน์โตขึ้นดีเช่นกัน เติบโตกว่า 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะ 1.48 ล้านล้านเวียดนามดอง คิดเป็น 19% ของรายได้รวม 1Q22 ด้านสาขาออฟไลน์แตะ 676 ร้านค้า เพิ่มขึ้นกว่า 29 สาขาใหม่ นับตั้งแต่ต้นปี 65 และร้านขายยา Long Chau แตะ 546 สาขา และเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 146 สาขา นับตั้งแต่ต้นปี 65
4. Vinhomes (VHM)
ผู้พัฒนาและจำหน่ายอสังหาฯ ด้านที่อยู่อาศัยที่หลากหลายในเวียดนาม โดยข้อมูล ณ เดือน ต.ค. 64 Vingroup ถือหุ้นใน Vinhomes กว่า 66.6%
ปัจจุบันรายได้จากการจำหน่ายอสังหาฯ แตะ 11.3 ล้านล้านเวียดนามดอง หดตัวกว่า 11% เมื่อเทียบกับปี 64 และมียอดจองที่ยังไม่ได้เรียกเก็บเงิน ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 65 แตะ 57 ล้านล้านเวียดนามดอง เติบโตขึ้นกว่าปีก่อน คิดเป็น 9% เมื่อเทียบกับปีก่อน
5. Kinh Bac City (KBC)
บริษัทผู้พัฒนา ลงทุน และซ่อมแซม โครงสร้างพื้นฐานในเวียดนาม อาทิ การก่อสร้างสวนสาธารณะเชิงอุตสาหกรรม ศูนย์กลางด้านการค้า ทำเหมืองแร่ ฯลฯ โดยในไตรมาส 1 ปี 65 รายได้รวม 0.69 ล้านล้านเวียดนามดอง และกำไรสุทธิอยู่ที่ 523 พันล้านเวียดนามดอง ลดลงราว 26% เมื่อเทียบปี 64

Source: www.kinhbaccity.com
Source: BLS Global Investing, Bloomberg, Companies' website, Reuters, Finance VietStock, Tesla, SeekingAlpha, Yahoo Finance, HSC
ข้อมูล ณ วันที่ 6 พ.ค. 65
📍 เริ่มต้นลงทุนต่างประเทศ กับหลักทรัพย์บัวหลวง... เปิดบัญชีลงทุนต่างประเทศออนไลน์ง่าย ๆ คลิก https://bls.tips/openglobalinvesting หรือโทร 0-2618-1111
📍 ศึกษาข้อมูลหุ้นต่างประเทศก่อนเริ่มลงทุน ผ่านรายงานหุ้นต่างประเทศ ส่งออกเป็นประจำทุกวัน ผ่านเมนู Global Investing > Global Commentary หรืออ่านข้อมูลรายงานเพิ่มเติม คลิก https://bls.tips/reportblsglobalinvesting
#5หุ้นยอดฮิต #BLS #BLSGlobalInvesing #หลักทรัพย์บัวหลวง #GlobalInvesting
เรียบเรียงโดย
ศิวพรรณ ประดิษฐ์กุล เจ้าหน้าที่อาวุโส
ส่วน Global Investing Solutions หลักทรัพย์บัวหลวง