.png)
เนื่องจากตลาดหุ้นไทยเผชิญกับความผันผวนส่งผ่านมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาโดยสภาวะที่ตลาดปรับตัวลงต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนเผชิญกับความเสี่ยงที่จะขาดทุนเงินต้นจากการรับหุ้นอ้างอิงเมื่อครบกำหนดอายุการลงทุน Fixed Coupon Note (FCN) โดยเฉพาะกรณีที่หุ้นอ้างอิงปรับตัวลงไปต่ำกว่าราคากรอบล่าง (Knock-In Price) ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต้องรับหุ้นอ้างอิงเข้าพอร์ตบนต้นทุุนที่ราคาสูงกว่าราคาตลาด
หลักทรัพย์บัวหลวงจึงได้พัฒนาฟีเจอร์บน FCN เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบราคาและเพิ่มจุดเด่นในการช่วยลดโอกาสขาดทุนและลดความเสี่ยงหากได้รับไถ่ถอนคืนเป็นหุ้นอ้างอิง นั่นก็คือ ฟีเจอร์การปรับลดราคาใช้สิทธิ (Strike Price) โดยนักลงทุนสามารถลดต้นทุนการรับหุ้นลงได้ (Lower Strike) ได้ตั้งแต่ 100% จนต่ำสุดถึง 90% ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ที่ตลาดมีความผันผวนสูงหรือราคาหุ้นปรับตัวลงแรงอย่างเช่นในช่วงที่ผ่านมา
จะเห็นว่าบนการออกแบบสัญญา FCN นอกจากจะมีการกำหนดราคากรอบบน (Knock-Out Price) และราคากรอบล่าง (Knock-In Price) มี่เปรียบเสมือน Buffer ในการช่วยลดโอกาสที่จะขาดทุนหากราคาหุ้นปรับตัวลงแต่ไม่ลงต่ำกว่าราคา Knock-In ในขณะที่ราคาใช้สิทธิ (Strike Price) ที่ถูกกำหนดไว้ในสัญญาซึ่งจะมีบทบาทสำคัญ ณ วันกำหนดค่าหลักทรัพย์ (Valuation Date) ในกรณีที่เคยเกิดการ Knock-In (Knock-In Triggered) ซึ่งจะมีโอกาสทำให้ได้รับหุ้นอ้างเข้าพอร์ตเมื่อ FCN ครบกำหนดอายุ โดยที่ราคาใช้สิทธิ (Strike Price) นี้จะเป็นตัวกำหนดว่าสัญญาจะได้รับไถ่ถอนคืนเป็นเงินหรือเป็นหุ้นอ้างอิงนั่นเอง ซึ่งโดยปกติแล้วราคาใช้สิทธิ (Strike Price) จะถูกกำหนดให้เท่ากับราคากรอบบน (Knock-Out Price) ซึ่งเท่ากับราคาเริ่มต้นที่เปิดสัญญา ( Knock-Out Level = Strike Level = 100%)
การปรับลดราคาใช้สิทธิ (Strike Price) ของหลักทรัพย์บัวหลวง สามารถปรับลงได้ลึกสุดถึง 10% เมื่อเทียบกับราคาเริ่มต้น (Strike Level 100%-90%) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและโอกาสการขาดทุนได้ผ่าน 2 จุดเด่นดังนี้
1. ช่วยลดโอกาสที่จะได้รับหุ้นอ้างอิง
เมื่อสัญญาเคยเกิดการ Knock-In (ราคาปิดในแต่ละวันร่วงต่ำกว่าราคากรอบล่าง) และไม่เคยเกิดการ Knock-Out (ราคาปิดมากกว่าหรือเท่ากับในรอบการสังเกตุราคา) ในวันที่ตั๋ว FCN ครบกำหนดอายุ หากราคาสามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือราคาใช้สิทธิ (Strike Price) จะสามารถปิดประตูขาดทุน ได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ยงวดสุดท้าย ซึ่งจากเดิมที่กำหนดระดับราคาใช้สิทธิ (Strike Level) ที่ 100% หมายความว่าราคาต้องกลับขึ้นไปยืนที่ราคาเริ่มต้น หลังจากเกิดการ Knock-In
แต่กรณีนี้จากตัวอย่างสัญญากำหนดระดับราคาใช้สิทธิ (Strike Level) เพียง 90% หมายความว่า ราคาสามารถรีบาวน์กลับขึ้นไปยืนเหนือราคาใช้สิทธิ ซึ่งจะเป็นราคาส่วนลดจากราคาเริ่มต้น 10% หรืออยู่เหนือราคากรอบล่าง (Knock-In Price) ขึ้นมาประมาณ 5.88% ก็สามารถปิดประตูขาดทุนได้แล้ว
2. ช่วยลดต้นทุนในการรับหุ้นอ้างอิง
เมื่อสัญญาเคยเกิดการ Knock-In (ราคาปิดในแต่ละวันร่วงต่ำกว่าราคากรอบล่าง) และไม่เคยเกิดการ Knock-Out (ราคาปิดมากกว่าหรือเท่ากับในรอบการสังเกตุราคา) และ ณ วันกำหนดค่าหลักทรัพย์ ราคาไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนที่ราคาใช้สิทธิ (Strike Price)ได้ นักลงทุนจะได้รับไถ่ถอนเงินต้นคืนเป็นหุ้นอ้างอิงแทน โดยต้นทุนที่ได้จะเท่ากับราคา Strike ซึ่งการปรับลดราคาใช้สิทธิ (Lower Strike) จากเดิมรับหุ้นที่ราคาเริ่มต้น 100% ก็จะได้รับหุ้นบนราคาถูกลงมาที่ 90% นั่นเอง ชึ่งจะช่วยลดต้นทุนหุ้นที่ได้รับและทำให้การขาดทุนจากส่วนต่างราคาเมื่อเทียบกับราคาราคาหุ้นในตลาด ซึ่งแสดงให้เห็นการปรับลดราคาใช้สิทธิลงจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน FCN ได้ค่อนข้างมาก แต่ก็จะแลกมาด้วยอัตราดอกเบี้ย (Coupon Rate) ที่ลดลงในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสามารถออกแบบราคาได้เองตามโจทย์การลงทุนที่ต้องการ โดยหลักทรัพย์บัวหลวงจะยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใน FCN อย่างต่อเนื่องเพื่่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้เข้ากับทุกสภาวะตลาดและตอบโจทย์ต่อการบริหารพอร์ตการลงทุนในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่าน หรือ BLS Customer Service โทร. 0 2618 1111
ศึกษารายละเอียดผลิตภัณฑ์ FCN เพิ่มเติม คลิก
หรือ รับชมคลิป FCN คืออะไร คลิก
ผลิตภัณฑ์นี้สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ตามประกาศ ก.ล.ต. เท่านั้น