5topstocksinFebruary65
5topstocksinFebruary65

5 หุ้นยอดฮิต ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฮ่องกง และเวียดนาม ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 65

5 หุ้นยอดฮิต ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฮ่องกง และเวียดนาม ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 65
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะชวนนักลงทุนทุกท่านมาอ่านข้อมูลงบไตรมาส 4 ปี 64 นับตามปีปฏิทินของ 5 หุ้นยอดฮิต ทั้ง 3 ตลาดหลัก และชวนดูการเปลี่ยนแปลงในแต่ละเดือน.. ไปติดตามกันเลย 🌎

5 หุ้นยอดฮิต ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

US.jpeg

1. Nvidia (NVDA)

ตามปีปฏิทิน รายได้ในเดือนต.ค. ธ.ค. 64 (ไตรมาสตามปีบัญชี คือไตรมาส 4 ปี 65) อยู่ราว 2.5 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เติบโตเพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบกับปีก่อน หนุนจากการให้บริการด้าน Cloud Computing ที่โตเฉลี่ยกว่า 22% ต่อปี และการจำหน่ายชิปที่ใช้ในอุตสาหกรรมเกม เช่น ชิป GeForce ที่โตเฉลี่ยกว่า 22% ต่อปี ขณะที่กำไรสุทธิโต 106% แตะ แสนล้านบาท หากดูสัดส่วนรายได้ในไตรมาสล่าสุด รายได้หลักมาจากธุรกิจด้าน Graphic เช่น ชิป การ์ดจอ ฯลฯ กว่า 57.8% ที่หลาย ๆ ท่านอาจทราบกันว่า Nvidia เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายชิปและการ์ดจอในคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการประมวลผล เอาเป็นว่าขาดไม่ได้กันเลยทีเดียว! อีกทั้ง Nvidia ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ผลิตที่สามารถสร้าง graphic ได้สมจริงที่สุด ส่วนอีก 42.2% เป็นรายได้จากธุรกิจให้บริการด้านระบบ (Compute & Networking) อาทิ การเป็นศูนย์เก็บข้อมูล ประมวลผล ซึ่งอาจใช้เทคโนโลยีด้าน Al ร่วมด้วย

2. Meta Platforms (FB)

ไตรมาสล่าสุดตามปีปฏิทิน รายได้ FB เติบโต 20% เทียบกับปีก่อน แตะ 1.1 ล้านล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิเติบโตลดลง 8%เทียบกับปีก่อน อยู่ที่ราว 3.5 แสนล้านบาท อย่างไรก็ดี ธุรกิจโฆษณาใน Family of Apps เพิ่มขึ้น 13% หนุนจากจำนวนโฆษณาที่เพิ่มขึ้นกว่า 10% และรายได้รับเฉลี่ยต่อ 1 โฆษณาเพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปีก่อน รายได้หลักในไตรมาสนี้ มาจากค่าโฆษณา (Advertising) คิดเป็น 97.4% และอีก 2.6% เป็นรายได้อื่น นอกเหนือธุรกิจโฆษณา เช่น รายได้จากการจำหน่ายชุดหูฟัง, แว่น VR Oculus และ หน้าจออัจฉริยะ

📌 นักลงทุนสามารถอ่าน  'สรุป' งบไตรมาสล่าสุด หุ้นเทคโนโลยี FAAMG เพิ่มเติมได้ที่ https://bls.tips/Earnings4q21ofFAAMG

3. Advanced Micro Devices (AMD)

รายได้ในไตรมาส 4 ปี 64 ของ AMD โต 49% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 1.6 แสนล้านบาท  ขณะที่กำไรในไตรมาสเดียวกัน อยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท หดตัว 45% อย่างไรก็ดี AMD ตัดสินใจร่วมมือกับ Meta ในการพัฒนาชิป เพื่อรองรับ Metaverse หรือโลกเสมือนจริง โดยคาดว่ายอดขายพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ผลประกอบการในไตรมาสนี้ มีรายได้หลักกว่า 53.5% จากการจำหน่ายอุปกรณ์ประมวลผลและกราฟิก เช่น ชิป ฯลฯ และอีก 46.5% เป็นรายได้จากการจำหน่ายซอฟต์แวร์ภายในองค์กร (Enterprise) และอื่น ๆ เป็นต้น

4. Tesla (TSLA)

รายได้ในไตรมาส 4 ปี 64 ของ Tesla โต 65% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะ 5.9 แสนล้านบาท หนุนจากยอดส่งมอบรถยนต์ EV ที่โตต่อเนื่อง โดยยอดส่งมอบรถยนต์ Tesla ยังเพิ่มขึ้น 71% ที่ 308,650 คัน แบ่งเป็น Model S และ Model X 11,766 คัน , Model 3 และ Model Y 296,884 คัน ขณะที่กำไรสุทธิโต 760% เทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 7.7 หมื่นล้านบาท จากการที่ Teslaพยายามลดต้นทุนการผลิตของรถยนต์ โดยผลประกอบการในไตรมาสนี้มีรายได้หลักมาจากการจำหน่ายรถยนต์ EV และให้บริการ เช่น ประกัน การซ่อมบำรุงรถยนต์ ฯลฯ กว่า 96.1% และรายได้จากธุรกิจพลังงาน อีก 3.9% ของรายได้รวม

5. On Semiconductor (ON)

On Semiconductor บริษัทผู้ผลิตชิป สัญชาติสหรัฐฯ โดยผลิตชิปรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังเป็นที่ต้องการในปัจจุบัน โดยรายได้ในไตรมาส 4 ปี 64 โต 28% เทียบไตรมาส 4 ปี 63 ที่ 6.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิโต 379% อยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท หนุนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า EV และ ON โดยมีรายได้หลักกว่า 51.6% มาจากการผลิตและจำหน่ายชิปและระบบส่งกำลังไฟฟ้าในรถยนต์ และอีกกว่า 35.1% สร้างรายได้จากสินค้าจากระบบอนาล็อก (Analog) 35.1% อาทิ เสาสัญญาณโทรศัพท์ และอุปกรณ์เซนเซอร์สำหรับตรวจจับ 13.3%

5 หุ้นยอดฮิต ในตลาดหุ้นฮ่องกง

HK.jpeg

1. Alibaba (9988)

รายได้ไตรมาส 4 ปี 64 (ไตรมาสตามปีบัญชี คือไตรมาส 3 ปี 65) อยู่ที่ 1.3 ล้านล้านบาท โต 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน หนุนจากธุรกิจ E-commerce ในจีนที่โตกว่า 7% เทียบกับปีก่อน และธุรกิจคลาวด์ที่โต 20% เทียบกับปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 9.8 หมื่นล้านบาท ลดลง 75% ส่วนหนึ่งมาจากการด้อยค่าของ Goodwill (หากดูกำไรสุทธิแบบ Non-GAAP กำไรลดลง 25% จากปีก่อน แตะ 2.3 แสนล้านบาท)

ไตรมาสล่าสุด Alibaba มีรายได้หลักมาจากธุรกิจ Cloud กว่า 36%, ธุรกิจโลจิสติกส์ 24% ธุรกิจบริการ Local Consumer เช่น บริการขนส่งสินค้าแบบ Online to Offline (O2O) “Taoxianda” และ Ele.me” 23%, ธุรกิจสื่อและความบันเทิง 15%, และกลุ่มธุรกิจเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ อีก 2%

2. Tencent (700)

บริษัทมีแผนประกาศงบไตรมาส 4 ปี 64 ในวันที่ 23 มี.ค. 65 อย่างไรก็ดี ด้าน Bloomberg Consensus คาดการณ์รายได้อาจโต 9% แตะ 747 พันล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ คาดอาจหดตัวกว่า 12% ที่ราว 1.5 แสนล้านบาท โดยดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย ปัจจุบันเน้นหลักไปที่การให้บริการแพลตฟอร์มและให้บริการด้านเกมออนไลน์ เช่น ROV, PUBG และ League of Legends และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย เช่น WeChat, JOOX ฯลฯ

3. Xiaomi (1810)

บริษัทมีแผนประกาศงบไตรมาส 4 ปี 64 ในวันที่ 24 มี.ค. 65 อย่างไรก็ดีทาง Bloomberg Consensus คาดการณ์รายได้อาจโต 16% อยู่ที่ราว 4.2 แสนล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิคาดโต 30% แตะ 2.1 หมื่นล้านบาท  โดยธุรกิจหลัก คือ เป็นผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย เช่น สมาร์ทโฟน, ทีวี, หุ่นยนต์ดูดฝุ่น และพัดลม เป็นต้น

4. Ping an Insurance (2318)

Ping An Insurance หรือ 'ผิงอัน' เป็นบริษัทประกันใหญ่ของจีน ที่ปัจจุบันเป็นผู้ให้บริการทางการเงินแบบครบวงจร โดยบริษัทมีแผนที่จะประกาศผลประกอบการประจำปี 64 ในวันที่ 18 เดือนมีนาคม 65 อย่างไรก็ดี ทาง Bloomberg Consensus คาดการณ์รายได้ไตรมาส 4 ปี 64 อาจอยู่ที่ 6.8 ล้านล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอาจหดตัวที่ 17% แตะ 607 พันล้านบาท

5. Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) (981)

SMIC บริษัท semiconductor สัญชาติจีน ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่ของจีน ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตชิปให้กับบริษัท Huawei ในไตรมาสล่าสุด ตามปีปฏิทิน รายได้โตกว่า 61% แตะ 5.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิโต 108% แตะ 1.7 หมื่นล้านบาท หนุนจากการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น และในไตรมาสล่าสุด รายได้หลักมาจากการจำหน่ายชิป สำหรับสมาร์ทโฟน (28%), สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (21%), สินค้า Smart Home (11%) และสินค้าอื่น ๆ อีก (30%) ส่วนรายได้อีกราว 10% มาจากปฏิบัติการผลิต Mask ที่ใช้สำหรับผลิตชิป (Mask operation)
 
5 หุ้นยอดฮิต ในตลาดหุ้นเวียดนาม

VN.jpeg

1. Airports Corporation of Vietnam (ACV)

รายได้ไตรมาส 4 ปี 64 ของ ACV อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท โตลดลง 54% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่บริษัทพลิกกลับมามีกำไรที่3 ร้อยล้านบาท จากที่ขาดทุนไปในช่วงไตรมาส 3 ปี 64 โดยงบไตรมาส 4 ปี 64 ACV มีรายได้หลักมาจากธุรกิจการบินที่เพิ่มขึ้นกว่า 93% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แตะ 1.02 พันล้านบาท นอกจากนี้ หลังจากประเทศเวียดนามได้มีการคลายล็อกดาวน์ในช่วงกลางเดือน ต.ค. 64 ที่ผ่านมา เที่ยวบินภายในประเทศก็สามารถกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารภายในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 785.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แตะ 3.34 ล้านคน และอีกหนึ่งแรงหนุนที่สำคัญคือ ประเทศเวียดนามจะทำการเปิดประเทศ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลต่อรายได้ของ ACV ให้เพิ่มขึ้น

2. FPT Corporation (FPT)

รายได้ไตรมาส 4 ปี 64 โตกว่า 116% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะ 1.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิโต 5,717.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะ 4.9 ร้อยล้านบาท โดย FRT เป็นบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจด้านการจำหน่ายสินค้าสมาร์ทโฟนของเวียดนาม นอกจากสมาร์ทโฟนแล้ว FRT ยังจำหน่ายสินค้าประเภทอุปกรณ์ด้านข้อมูล ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อีกหนึ่งธุรกิจของ FRT คือ ธุรกิจขายยา

3. Vincom Retail (VRE)

รายได้ไตรมาส 4 ปี 64 ของ VRE อยู่ที่ 2 พันล้านบาท ลดลงกว่า 58% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาสเดียวกัน อยู่ที่ 177.6 ล้านบาท ลดลง 88% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยงบไตรมาสนี้มีรายได้หลักมาจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ห้างฯ ที่เพิ่มขึ้น 22.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แตะ 1.3 พันล้านบาท หนุนจากการที่รัฐบาลเวียดนามผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ในช่วงต.ค. 64 หนุน Traffic ภายในห้าง และรายได้ของ VRE  

หากนักลงทุนคนใดอยากทราบว่า VRE ทำธุรกิจใดบ้าง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่                     
Stock Story EP.2 : Vincom Retail
เบอร์หนึ่งธุรกิจห้างฯเวียดนาม https://bls.tips/StockStoryEP2VRE


4. Digiworld Corp. (DGW)

รายได้ไตรมาส 4 ปี 64 ของ DGW เติบโตเพิ่มขึ้น 97% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะ 1.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิโต 231% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะ 482.4 ล้านบาท โดยผลประกอบการในไตรมาสนี้ มีรายได้หลักมารายได้จากการจำหน่ายแล็บท็อปที่โต 179% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะ 5 พันล้านบาท, รายได้จากการจำหน่ายโทรศัพท์ที่โต 57% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะ 5.2 พันล้านบาท

5. Thai Nguyen International Hospital JSC (TNH)

TNH ดำเนินงานและบริหารโรงพยาบาลและให้บริการทางการแพทย์ ในเมืองไทเหงียน ประเทศเวียดนาม โดยบริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2557

รายได้ไตรมาส 4 ปี 64 ของ TNH เติบโตเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะ 154 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิโต 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะ 46.9 ล้านบาท สำหรับ TNH รายได้ทั้งหมด มาจากธุรกิจโรงพยาบาลทั้งสิ้น

อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้
1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 33.5 บาท
1 ดอลลาร์ฮ่องกง เท่ากับ 4.3 บาท
1 เวียดนามดอง เท่ากับ 0.0015 บาท

1 หยวนจีน เท่ากับ 5.1412 บาท

ที่มา :
BLS Global Investing
Bloomberg
Company websites
CNBC
ข้อมูล ณ วันที่ 4 มี.ค. 64

เรียบเรียงโดย
ศิวพรรณ ประดิษฐ์กุล เจ้าหน้าที่อาวุโส
ไพลิน เนียมหอม เจ้าหน้าที่
ส่วน Global Investing Solutions หลักทรัพย์บัวหลว
 

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง