
มาทำความรู้จักกับ 10 หุ้นโดดเด่น ที่มีสัดส่วนมากที่สุด ใน 2 ดัชนีหลักของสหรัฐ อย่างดัชนี NASDAQ 100 กับ จีน อย่างดัชนี STAR50 ที่เป็นดัชนีอ้างอิงของ DR น้องใหม่ของเรา...DR “NASDAQ 100” สัญลักษณ์ NDX01 และ DR “STAR 50” สัญลักษณ์ STAR5001 แชร์ตั้งแต่ลักษณะการทำธุรกิจไปถึงจุดเด่นของหุ้นชั้นนำเหล่านี้...เตรียมพร้อมลงทุนผ่านกระดานหุ้นไทยด้วยสกุลเงินบาท เพื่อเปิดโอกาสในการลงทุนหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ และจีน ด้วย DR...
ขอเริ่มจากดัชนี NASDAQ 100 ซึ่งเป็นดัชนีที่นักลงทุนอาจคุ้นหูกันมาบ้างอยู่แล้ว แต่หลายท่านอาจไม่ทราบว่า จริง ๆ แล้ว ดัชนี NASDAQ 100 ไม่ได้มีแค่หุ้นเทคฯ นะ แต่ยังมีหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ อยู่ด้วย เช่น PepsiCo, Starbucks, Costco ฯลฯ แต่อย่างไรก็ดี สัดส่วนหลักของหุ้นในดัชนีนี้ ก็ยังเป็นหุ้นเทคโนโลยีอยู่กว่า 60% ของดัชนีอยู่ดีค่ะ
โดยหุ้นจำนวน 10 หุ้น ข้างต้น มีสัดส่วนอยู่ราว 56% ของน้ำหนักรวมของดัชนี NASDAQ 100
1. Apple (AAPL) สัดส่วนในดัชนี 12.5%
บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ โดยปัจจุบันมีรายได้ทั้งจากการจำหน่ายสินค้าฮาร์ดแวร์ อาทิ iPhone, iPad, Apple Watch ฯลฯ และการให้บริการด้านซอฟต์แวร์ควบคู่กัน เพื่อขยายฐานลูกค้า และสร้าง ecosystem ของตนเอง เช่น Apple Music, iCloud, Apple Pay ฯลฯ โดยจุดเด่นของ Apple คือ การสร้างแบรนด์ที่ค่อนข้างแข็งแรง และสินค้าและบริการมีความเชื่อมต่อกันได้แบบ seamless หรือแบบไร้รอยต่อ ใส่ใจถึงความสะดวกสบาย และประสบการณ์ของลูกค้า ที่คู่แข่งหลายรายในปัจจุบัน อาจยังสู้ไม่ได้
นอกจากนี้ Apple ยังมุ่งหน้าพัฒนาธุรกิจด้วย การพัฒนา ออกแบบ และจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนของการทำ R&D
2. Microsoft (MSFT) สัดส่วนในดัชนี 9.8%
บริษัทผู้ให้บริการด้านแพลตฟอร์มที่เราอาจใช้กันอยู่ทุกวัน Microsoft Office นั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีสินค้า hardware ด้วยเช่นกัน เช่น แล็ปท็อป Surface Pro หรือ Microsoft Ocean Plastic Mouse เมาส์รักษ์โลกขาก Microsoft ที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิลกว่า 20%!
3. Alphabet (GOOGL/ GOOG) สัดส่วนในดัชนี 7.4%
บริษัท Search Engine ระดับโลก โดยสร้างรายได้จากการโฆษณาตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ในสัดส่วนกว่า 90% ของรายได้รวม อีกทั้งยังให้บริการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น Google Cloud, Gmail ฯลฯ
4. Amazon.com (AMZN) สัดส่วนในดัชนี 7.4%
แพลตฟอร์ม E-Commerce เจ้าใหญ่ และเป็นผู้นำธุรกิจคลาวด์อันดับ 1 ของโลก คนทั่วโลกใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งข้อมูล ณ ไตรมาส 4 ปี 64 ที่ผ่านมา บนแพลตฟอร์ม Amazon.com ในช่วงวันหยุด อาทิ Black Friday ไปจนถึง Cyber Monday (ที่ปกติแล้ว ยอดขายมักพุ่งสูงในช่วงนี้) ด้าน Amazon เผยว่า มีจำนวนร้านค้าอยู่ราว 130,000 ร้านค้า ที่มียอดขายทะลุ 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ และเฉลี่ยแล้ว ร้านค้าสามารถจำหน่ายสินค้าได้กว่า 11,500 ชิ้นต่อ 1 นาที!
5. Tesla (TSLA) สัดส่วนในดัชนี 4.9%
บริษัทที่ออกแบบและผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมไปถึงส่วนประกอบระบบส่งกำลังของยานพาหนะไฟฟ้าด้วย โดยสิ่งหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนบริษัทให้ดำเนินมาถึงทุกวันนี้ คงจะหนีไม่พ้น การจำหน่ายสินค้าอย่างรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง ระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Driving) และการสั่งการผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟน นอกจากนี้บริษัทยังคงใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้าลิเทียมไอออนกับรถยนต์แทนที่จะใช้น้ำมัน ส่งผลให้ Tesla กลายเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สะอาด ไม่มีการปล่อยมลพิษขึ้นสู่อากาศแม้แต่น้อย
6. Nvidia (NVDA) สัดส่วนในดัชนี 3.6%
บริษัทเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ผู้ผลิตหน่วยประมวลผลทางด้านกราฟิก (GPUs) หรือ การ์ดจอสำหรับคอมพิวเตอร์
ปัจจุบัน การ์ดจอไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์ที่สำคัญแค่ในอุตสาหกรรมเกมเท่านั้น แต่การ์ดจอกลับเป็นนวัตกรรมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรมอย่าง การนำการ์ดจอไปใช้ในการขุดสกุลเงินดิจิตัล, การสร้าง AI ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงในการประมวลผล ฯลฯ ซึ่งและด้วยสาเหตุนี้เองจึงทำให้บริษัท Nvidia เริ่มเติบโตอย่างก้าวกระโดด
Source: Nvidia
7. Meta Platforms (FB) สัดส่วนในดัชนี 3.4%
บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Facebook, Instagram, WhatsApp, Messenger และบริษัทเสมือนจริง Oculus โดยในปี 2565 Meta Platforms ยังคงโฟกัสที่ Metaverse หรือโลกเสมือนจริง โดยเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัว “Horizon Worlds” ซึ่งเป็น Metaverse โลกเสมือนจริงให้กับผู้บริโภคที่มีอายุมากกว่า 18 ปีในประเทศสหรัฐฯ และแคนาดาได้ลองเล่นกัน
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “Metaverse” สามารถติดตามอ่านได้ใน KS นี้ได้เลยค่ะ...ชวนดู 5 หุ้น ที่เตรียมบุก “Metaverse” พร้อมสินค้าและบริการที่อาจเกิดขึ้นจริงในโลกเสมือนจริง https://knowledge.bualuang.co.th/knowledge-base/5stockmetaverse/
8. Costco Wholesale (COST) สัดส่วนในดัชนี 2.0%
ร้านค้าปลักในสหรัฐฯ ที่เน้นขายสินค้าในราคาถูก และให้บริการเฉพาะสมาชิก ดำเนินธุรกิจคล้ายกับบริษัท Makro ของไทย โดยบริษัทจำหน่ายสินค้าหลากหลายชนิด ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์แต่งบ้านหรือต่อเติมบ้าน หรือแม้แต่ต้นไม้ ก็ยังมีจำหน่ายอีกด้วย...
9. Broadcom (AVGO) สัดส่วนในดัชนี 1.9%
ผู้พัฒนาและออกแบบชิปใช้ใน Data Center และระบบอินเทอร์เน็ต โดยปัจจุบัน Broadcom จำหน่ายชิ้นส่วนไร้สาย รวมไปถึงอะแดปเตอร์ที่ใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูล การประมวลผลเครือข่าย และเซนเซอร์ เป็นต้น Broadcom เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีฐานลูกค้าอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งจำหน่ายทั้งให้บริการด้านเทคโนโลยี ซึ่งนับว่าค่อนข้างครบวงจรเลยทีเดียว!
10. PepsiCo (PEP) สัดส่วนในดัชนี 1.8%
ผู้ผลิตน้ำอัดลมชื่อดัง "Pepsi" และบริษัทนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การจำหน่ายน้ำอัดลมเท่านั้น แต่ PepsiCo ยังมีธุรกิจขนมและอาหารด้วยเช่นกัน อาจพูดได้ว่าเป็นบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ ก็อยู่ใน Everyday Life ของเราด้วยเช่นกัน
Source: Pepsico.com
มาต่อกันที่...10 หุ้นจีน ที่มีสัดส่วนมากที่สุด ในดัชนี STAR50 ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของ DR “STAR5001”
ตลาดหุ้นจีน นับว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่และที่มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง สภาพคล่องดี และเป็นตลาดฝั่งตะวันออก และเอเชียที่ได้รับความสนใจเสมอมา โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในหุ้น A-Shares หรือหุ้นจีนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์จีน เช่น ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ เป็นต้น ที่นักลงทุนต่างชาติ เข้าไปลงทุนได้ไม่สะดวก หรือไม่ง่ายนัก การลงทุนใน DR “STAR5001” จึงเป็นการเปิดโอกาสการลงทุนในหุ้นจีน A-Shares เน้นไปหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมขนาดใหญ่ จำนวน 50 บริษัทด้วยกัน และหุ้นใน STAR50 ส่วนใหญ่ มักเป็นหุ้นกลุ่ม Hard Core Technology (Hard Tech) หรือเขียนให้เข้าใจง่ายๆ คือ เป็นเทคโนโลยีเชิงโครงสร้างที่ใช้เพื่อต่อยอดและพัฒนาเทคโนโลยีต่อไป
1. Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) น้ำหนักในดัชนี 9.9%
บริษัทผู้ผลิตและส่งออกชิปทั่วโลก (Chipmaker) นับว่า SMIC เป็นบริษัทชั้นนําและมีขนาดใหญ่ที่สุดในจีน ชิปเป็นเครื่องมือด้านเทคโนโลยีประเภทหนึ่ง สามารถใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และ เครื่องหรืออุปกรณ์เกมส์ และเป็นชิ้นส่วนที่ขาดไม่ได้เลย... SMIC ไม่เพียงมีสำนักงานใหญ่ แต่ยังมีฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ยังมีฐานผลิตย่อยอีกมากมายในหลายเมืองหลักในจีน เช่น ปักกิ่ง, เซินเจิ้น
หากเปรียบเทียบกับผู้ผลิตและจำหน่ายชิปในจีนรายอื่น SMIC นับว่าเป็นบริษัทที่เติบโตได้เร็วที่สุดอีกด้วย...
2.Trina Solar น้ำหนักในดัชนี 6.6%
บริษัทชั้นระะดับโลกที่ผลิตแผ่นเวเฟอร์ขนาด 210 มม. ที่ใหญ่ที่สุดในจีน ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งนับว่าเป็นพลังงานสะอาดรูปแบบหนึ่ง ที่เริ่มเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ โดย Trina มีส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกโดดเด่น
แผ่นเวเฟอร์ (Wafer) เป็นวัสดุจำเป็นที่เป็นต้นน้ำของแหล่งพลังงาน PV ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนโยบายระดับโลก ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการสร้างแผงโซล่าเซลล์นั่นเอง...
Trina Solar เชื่อมต่อโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 5.5GW เข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าทั่วโลก เติบโตอย่างรวดเร็วและก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีและการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ Trina Solar ซึ่งในปี 64 เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ได้สำเร็จ จนถึงปัจจุบัน Trina Solar ทำลายสถิติโลก 23 รายการในด้านประสิทธิภาพของเซลล์แสงอาทิตย์และพลังงาน module อีกด้วย
3. Ronbay New Energy น้ำหนักในดัชนี 4.7%
ผู้ผลิตวัสดุแนวใหม่ มุ่งเน้นไปที่วัสดุแคโทด (Cathode Material) และสารตั้งต้นของแบตเตอรี่ลิเธียม (Precursors of Lithium Batteries) ส่วนหลักของแบตเตอรี่ลิเธียม สำหรับใช้ในการผลิตรถยนต์ EV โดยมีต้นทุนคิดเป็นสัดส่วนราว 50% ของต้นทุนแบตเตอรี่ลิเธียมทั้งหมด จึงทำให้สารตั้งต้นของแบตเตอรี่ลิเธียมนั้น มีบทบาทสำคัญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้นหรือ Electric Vehicle และยังมีบทบาทในด้านการสร้างพลังงานสีเขียว (Green Energy) ที่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ ฐานลูกค้าของ Ronbay คือ ผู้ที่เลือกใช้รถยนต์ EV ทั่วโลก เนื่องจากวัสดุดังกล่าว เป็นส่วนสำคัญของการทำแบตเตอรี่ลิเธียม และปัจจุบัน demand ของรถยนต์ EV ก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน
4. Kingsoft Office น้ำหนักในดัชนี 4.69%
ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์สำนักงานและอินเทอร์เน็ตชั้นนำของจีนที่ให้บริการ Cloud Computing และบริการอื่นๆ โดยทำธุรกิจคล้ายกับบริษัท Microsoft ของสหรัฐฯ โดย Kingsoft จัดอยู่ในอันดับที่ 1 ในจีนในแง่ของรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ของ Microsoft ได้ หนุนรายได้และส่วนแบ่งการตลาดของ Kingsoft Office โดยหากดูจากกราฟด้านล่าง จะเห็นว่าจำนวนผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แสดงถึงแนวโน้มการเติบโตของรายได้ต่อไป
5. Montage Technology น้ำหนักในดัชนี 4.11%
บริษัทผู้ออกแบบ Interface Chip ชั้นนำของโลก และยังให้บริการ Solutions ด้วยการใช้ชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับใช้การประมวลผลบนระบบ Cloud และแอปพลิเคชัน นอกจากนี้ Montage เป็นเพียง 1 ใน 3 ผู้ผลิต Interface Chip ระดับโลก!
Interface Chip หรือ ชิปอินเตอร์เฟส เป็นส่วนสำคัญของหน่วยความจำภายในเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดต่อเนื่อง และนับว่า Montage มีอำนาจต่อรองสูง เนื่องจากจำนวนผู้ผลิตในอนาคตยังคงมีจำนวนไม่มาก
6. Junshi Biosciences น้ำหนักในดัชนี 4.1%
บริษัทชั้นนำด้านภูมิคุ้มกันบำบัดเนื้องอก โรคภูมิต้านตนเอง และโรคเมตาบอลิซึม และเป็นบริษัทยาของจีนแห่งแรกที่ได้รับการอนุมัติทางการตลาด สำหรับโมโนโคลนอลแอนติบอดีต้าน PD-1 ซึ่งเป็นแอนติบอดีต่อต้าน BTLA ตัวแรกในมนุษย์ สำหรับเนื้องอกที่เป็นก้อน และยังเป็นบริษัทรายแรกของโลกที่ได้รับการอนุมัติสำหรับการทดลองทางคลินิกโดย FDA อีกด้วย!
วิสัยทัศน์ของ Junshi Biosciences คือการเป็นผู้บุกเบิกด้านเวชศาสตร์การแปลโดยการพัฒนายาชั้นหนึ่งและดีที่สุดในระดับเดียวกัน โดยเริ่มจาก Junshi Biosciences ได้ขยายนวัตกรรมสู่การวิจัยและพัฒนายาประเภทต่างๆ มากขึ้น รวมถึงยาโมเลกุลขนาดเล็กและอื่นๆ โดยเน้นไปที่แอนติบอดี (หรือ ADCs) ตลอดจนนวัตกรรมการบำบัดรักษาโรคมะเร็งและโรคภูมิต้านตนเอง ส่งผลทำให้ผลประกอบการเติบโตติดต่อ 3 ปี
7. AMEC น้ำหนักในดัชนี 3.9%
ผู้ผลิตเครื่องมือ สำหรับการผลิตชิปและ LED ชั้นนำของจีน ตั้งแต่ขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา (R&D) การผลิต และการจำหน่าย โดยสินค้าดังกล่าว มักถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง จึงทำให้ AMEC ยังคงเป็นผู้นำตลาดและมีคู่แข่งไม่สูงนัก
Source: Amec-inc.com
8. Amlogic น้ำหนักในดัชนี 3.77%
บริษัทผู้ผลิตชิปประเภท SoC หรือ system-on-chip อันดับ 1 ของจีน รวมถึงให้บริการชแพลตฟอร์มแบบเปิดสำหรับมัลติมีเดีย เช่น เกม 3 มิติ เป็นต้น สำหรับที่มาของรายได้ ถูกแบ่งเป็น 3 ช่องทางหลัก ๆ ด้วยกัน
1. ผู้นำด้านชิป SoC Smart STB อันดับ 1 ของจีน โดยในปี 64 มีส่วนแบ่งตลาดราว 63% ในจีน และยังมีลูกค้ารายใหญ่ ระดับโลก เช่น Google, Amazon, Walmart ฯลฯ
2. ผู้นำด้านชิป Smart TV โดยครองส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ททีวีมากกว่า 50% ในจีน สำหรับปี 64 อีกทั้งยังถูกคาดว่าส่วนแบ่งการตลาดอาจเพิ่มขึ้น หนุนจาก demand ของสมาร์ททีวีที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีคู่ค้าสำคัญอย่าง TCL, Hisense, Xiaomi ฯลฯ
3. ผู้นำด้านชิป Smart Speaker ปัจจุบันลำโพงอัจฉริยะมีความนิยมมากขึ้น อาจที่ความต้องการของผู้บริโภค ที่ต้องการสร้างบ้านแบบ Smart Home มากขึ้น โดยปัจจุบันมีคู่ค้าคุ้นหูหลายรายระดับโลก เช่น Amazon, Google, Alibaba, Baidu และ Xiaomi ฯลฯ
9. Cnano Technology น้ำหนักในดัชนี 3.63%
บริษัทผู้ผลิตวัสดุสำหรับเป็นส่วนประกอบสำคัญของแบตเตอรี่ลิเธียม และสื่อกระแสไฟฟ้า ซึ่งได้แก่ท่อนาโนคาร์บอนแบบหลายชั้นผนังและแบบผนังชั้นเดี่ยว อีกทั้งยังผลิตสารเคลือบป้องกันไฟฟ้าสถิตย์และการเสริมแรงยางยาง หนุนความคิดด้า Green Energy ที่ทางรัฐบาลจีน ให้ความสนับสนุน ช่วย้านการประหยัดพลังงานและนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้ โดย Cnano ถูกจัดว่าเป็นอันดับ 1 ของโลกในฐานะผู้ผลิตท่อนาโนคาร์บอน (CNTs) สำหรับแบตเตอรี่ EV นั่นเอง จึงอาจได้รับประโยชน์จาก demand รถยนต์ EV ที่เพิ่มขึ้น
10. Western Superconducting น้ำหนักในดัชนี 3.3%
ผู้ผลิตวัสดุที่ใช้สำหรับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านพลังงานแนวใหม่ ประกอบด้วยโลหะผสมไทเทเนียมระดับสูง และวัสดุตัวนำยิ่งยวด โดย Western เป็นบริษัทจีนเพียงแห่งเดียวที่ผลิตตัวนำยิ่งยวด NbTi และ Nb3Sn ที่ใช้กันทั่วไปในอุปกรณ์ด้านสุขภาพและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานใหม่ ..
Western ตั้งอยู่ในซีอาน เมืองหลวงของมณฑลส่านซี ด้วยทุนจดทะเบียน 53 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการผลิตและพัฒนาไททาเนียมและวัสดุที่เกี่ยวข้อง เป้าหมายของ Western คือการเป็นบริษัทอุตสาหกรรมแบบ Hi Tech พร้อมเทคโนโลยีขั้นสูง สามารถส่งออกกระจายไปทั่วโลก
✅ จบไปแล้วนะคะ...สำหรับข้อมูล 10 หุ้นที่มีสัดส่วนมากที่สุดในดัชนี NASDAQ 100 และ STAR50 สำหรับลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวงที่ต้องการจองซื้อ IPO DR "NDX01" และ " STAR5001" สามารถทำรายการเข้ามาผ่านระบบจองออนไลน์ของหลักทรัพย์บัวหลวง E-IPO หรือผู้แนะนำการลงทุนของท่าน ศึกษาขั้นตอนจองซื้อแบบละเอียด
คลิก >> https://bls.tips/IPODR_NQX01_STAR5001
📍นักลงทุนที่ยังไม่มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ กับหลักทรัพย์บัวหลวง ยังเปิดบัญชีเพื่อจองซื้อ IPO DR ทันนะคะ...เปิดบัญชีกับหลักทรัพย์บัวหลวง คลิก https://bls.tips/FBTeam หรืออ่านวิธีการเปิดบัญชีบนหน้าเว็บไซต์เพิ่มเติม คลิก https://bls.tips/websiteopenaccount
ที่มา:
BLS Global Investing
Premia Partners
ChinaAMC
Bloomberg
Company Websites
Global Times
ข้อมูล ณ วันที่ 22 เม.ย. 65