recession-theme
recession-theme

ลงทุนอะไร...ถ้าเศรษฐกิจเข้าสู่ Recession

ลงทุนอะไร...ถ้าเศรษฐกิจเข้าสู่ Recession
HIGHLIGHTS :
  • “เงินเฟ้อพุ่ง” เป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่สำคัญที่สุด ณ เวลานี้ โดยครั้งนี้เงินเฟ้อสูงเกิดจาก 2 สาเหตุ ทั้งประชาชนที่ต้องการซื้อสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น (demand-pull) และต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น (cost-push)
  • สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงยืดเยื้อ และเป็นปัจจัยหลักกดดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานปรับตัวสูงขึ้น
  • มุมมองของ Fidelity วัฎจักรเศรษฐกิจหลายๆ ประเทศเริ่มเข้าสู่ช่วง Late-cycle ในขณะที่จีนล่วงหน้าเข้าสู่ Recession จนเลยจุดต่ำสุดไปเรียบร้อยแล้ว
  • BLS Top Funds แนะจัดพอร์ตฝ่าวิกฤติ Recession ด้วยการกระจายลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ผ่าน “BLS Top Funds Portfolio” และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น Defensive อย่างกลุ่ม Healthcare

วัฏจักรธุรกิจ (Business Cycle) คืออะไร ?

ในโลกของการลงทุน นอกจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ตัวเลขการเติบโตของ GDP อัตราดอกเบี้ย นโยบายการเงิน การคลังต่างๆ ผลประกอบการของบริษัท วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร และอื่นๆ อีกหนึ่งสิ่งที่มองข้ามไม่ได้คือ “วัฏจักรธุรกิจ (Business Cycle)” เพราะโดยปกติแล้วเศรษฐกิจจะเคลื่อนไหวขึ้นลงเป็นวัฏจักร หากเราพิจารณาได้ว่าตอนนี้เราอยู่ในวัฏจักรไหน ก็พอจะบอกได้คร่าวๆ ว่าควรลงทุนสินทรัพย์อะไรหรือเลือกลงทุนหุ้นกลุ่มไหน

วัฏจักรธุรกิจ หรือที่เรียกว่า Business Cycle แบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ 1) Early-cycle Phase เป็นช่วงที่ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจถดถอย อัตราการเติบโตของ GDP การจ้างงานและรายได้กลับตัวเป็นบวก ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ระดับต่ำ โดยทั่วไปจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี 2) Mid-cycle Phase เป็นช่วงเศรษฐกิจเติบโตต่อไปจนถึงระดับพีค อัตราการเติบโตของ GDP การจ้างงานและรายได้ยังคงเติบโตต่อ เป็นช่วงเศรษฐกิจที่ยาวนานที่สุด 3) Late-cycle Phase ช่วงปลายของเศรษฐกิจขยายตัวหลังจากมีการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรง อัตราการเติบโตของ GDP จะเริ่มลดลงสวนทางกับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และ 4) Recession Phase ช่วงเศรษฐกิจถดถอย อัตราการเติบโตของ GDP หดตัว การจ้างงานและรายได้ลดลง ในขณะที่เงินเฟ้อก็ลดลงเช่นกัน

MicrosoftTeams-image (13).png

แล้วตอนนี้เราอยู่ตรงไหนของ Cycle ?

การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย QE ทำให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมฟื้นตัว การจ้างงาน รายได้เพิ่ม เงินออมภาคครัวเรือนสูงขึ้นโดยเฉพาะสหรัฐฯ ความต้องการซื้อสินค้ากลับมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นตัวเร่งความต้องการสินค้า จับจ่ายใช้สอยมากขึ้น Demand Pull เร่งให้เกิดเงินเฟ้อ ประกอบกับสงครามรัสเซีย ยูเครนเป็นตัวเร่งให้ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเร็วขึ้น  มีนโยบาย Zero Covid ของจีนเป็นส่วนเสริมให้สินค้า Shortage เกิด Cost Push ต้นทุนดันเงินเฟ้อเร่งตัว ซึ่งยุโรปเป็นกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากสงครามรัสเซีย ยูเครน เนื่องจากต้องนำเข้าพลังงานจากรัสเซียเป็นหลัง ทำให้ต้องหาพลังงานจากแหล่งอื่นมาทดแทนจากรัสเซีย ต้นทุนเพิ่มขี้นมหาศาลทั้งตัวน้ำมันและการขนส่งที่อาจจะต้องลงทุนท่าเรือขนส่ง และมีข้อตกลงด้านโลกร้อนทำให้การพึ่งพาพลังงานถ่านหินทำได้ไม่เต็มที่ นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว การใช้นโยบายเข้มงวดในหลายประเทศเพื่อสกัดเงินเฟ้อยังลดการเติบโตเศรษฐกิจโลกอีกด้วย แม้เศรษฐกิจจีนจะผ่านจุดต่ำสุดและใช้นโยบายผ่อนคลายจนมีโอกาสทำให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัว แต่ก็คงจะฝืนตลาดโดยรวมไม่ได้ ส่งให้ในระยะสั้น-กลางตลาดมีความผันผวน

หากดูจากมุมมองของ Fidelity วัฎจักรเศรษฐกิจหลายๆ ประเทศเริ่มเข้าสู่ช่วง Late-cycle ในขณะที่จีนล่วงหน้าเข้าสู่ Recession จนเลยจุดต่ำสุดไปเรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากที่เกิดการระบาดของ Covid-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 เศรษฐกิจก็ฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วต่อเนื่อง หลายประเทศผ่านช่วง Mid Cycle เร็วกว่าปกติ และเข้าสู่ Late Cycle ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี เรียกว่ามาเร็ว ฟื้นเร็ว พีคเร็ว และเริ่มชลอ

MicrosoftTeams-image (25).png

เราควรลงทุนอะไร...ถ้าเศรษฐกิจเข้าสู่ Recession

จากมุมมองเงินเฟ้อ การตอบสนองของนโยบายการเงินและภาวะสงคราม การกระจายความเสี่ยงยังคงเป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งการลงทุนผ่าน “BLS Top Funds Portfolio” จะช่วยให้การจัดพอร์ตของคุณเป็นเรื่องง่าย โดยหลักทรัพย์บัวหลวงมีทีมงานนักวิเคราะห์ที่คอยติดตามสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิดและคาดการณ์มุมมองต่อสินทรัพย์แต่ละประเภท พร้อมทั้งจัดสรรสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมผ่าน Black-Litterman Model แบบจำลองการสร้างพอร์ตที่พัฒนาโดย Fischer Black และ Robert Litterman ซึ่งทั้งสองทำงานอยู่ที่ Goldman Sachs วาณิชธนกิจที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเมื่อได้สัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมแล้ว จากนั้นทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านกองทุนรวมจะคัดเลือกกองทุนที่เป็นตัวแทนสินทรัพย์แต่ละประเภท พร้อมทั้งส่งคำสั่งซื้อขาย ปรับพอร์ตตามบทวิเคราะห์ รวมถึง Rebalance ให้นักลงทุนโดยอัตโนมัติ โดยมีกลยุทธ์ให้เลือกตามระดับความเสี่ยง 3 ระดับ ได้แก่
1.    Consevative Asset Allocation (CAA) : เน้นลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงินเป็นหลัก ให้ผลตอบแทนที่แน่นอน ความเสี่ยงอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำและกระจายการลงทุนไปยังกองทุนหุ้นภูมิภาคต่างๆ และสินทรัพย์อื่นๆ เหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อย และต้องการผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากประจำ
2.    Moderate Asset Allocation (MAA) : เน้นลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน และกองทุนรวมตราสารหนี้เป็นหลัก โดยเน้นให้ผลตอบแทนในระดับปานกลาง ความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง เหมาะกับนักลงทุนที่ยินดีรับความเสี่ยงได้สูงขึ้น เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่สูงขึ้นเช่นกัน
3.    Aggressive Asset Allocation (AAA) : เน้นลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นเป็นหลัก โดยกระจายลงทุนตามภูมิภาคต่างๆ ลดสัดส่วนของตราสารหนี้ลง ความเสี่ยงโดยรวมสูงขึ้น แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นเช่นกัน เหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูง และต้องการผลตอบแทนที่คาดหวังสูงขึ้นตามไปด้วย

สำหรับนักลงทุนที่จัดพอร์ตด้วยตัวเอง การลงทุนช่วง Late Cycle ที่การเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัว เงินเฟ้อสูงขึ้น การเลือกลงทุนในกลุ่มที่ต่อต้านเงินเฟ้ออย่างตราสารหนี้ปกป้องเงินเฟ้อที่ BLS Top fund แนะนำคือกองทุน KTAM Inflation Linked Fund (KTILF) ลงทุนในพันธบัตรไทยที่จ่ายผลตอบแทนผันแปรตามเงินเฟ้อ และหุ้นต้องมีติดพอร์ตคือกลุ่ม Defensive ที่มีความจำเป็น มีรายได้ค่อนข้างแน่นอน ไม่ขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจ อย่างกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มสาธารณูปโภค กลุ่ม Healthcare ที่จะ outperform ตลาดได้

กลุ่ม Healthcare เป็นหนึงในปัจจัย 4 ที่มีความจำเป็นและยังสามารถเติบโตได้ด้วย นักลงทุนมีความคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ช่วงที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ Late Cycle และมีโอกาสเข้าสู่ Recession กลุ่ม Healthcare จึงเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ โดยกองทุนในบ้านเรากลุ่ม Healthcare อาจจะแบ่งได้ 2 ส่วนหลักๆคือ Health Tech เน้นนวัตกรรมการแพทย์ เติบโตสูงมาก Valuation สูง ซึ่งดึในช่วงดอกเบี้ยต่ำ และช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวดี กับกลุ่ม Traditional Healthcare เป็นบริษัทยาทั่วไป บริการทางการแพทย์ต่างๆ เติบโตปานกลาง Valution ไม่ได้สูงมากนัก ซึ่งเหมาะกับช่วง Late Cycle มากกว่ากลุ่ม Health Tech ดังนั้น BLS Top Funds จึงเลือกแนะกองทุน KFHEALTH-A กอง Health Care ที่เติบโตและกระจายการลงทุนในหลากหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Healthcare ครอบคลุมทั้งด้านไบโอเทค เครื่องมือการแพทย์ และยารักษาโรค มีโอกาสเติบโตสูง ผลการดำเนินงานโดดเด่น
MicrosoftTeams-image (15).png

ซื้อกองทุนได้สะดวก ครบ จาก 17 บลจ. ชั้นนำ ผ่าน Streaming Fund+

นักลงทุนที่มีบัญชีกองทุนกับหลักทรัพย์บัวหลวงแล้ว สามารถซื้อกองทุนผ่านแอป Streaming Fund+ ได้ตามขั้นตอนดังนี้

1649005974553.png

📌 เพียงมีบัญชีกองทุนรวมกับหลักทรัพย์บัวหลวง คุณก็จะไม่พลาดสาระความรู้ อัปเดตสถานการณ์ให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง สนใจเปิดบัญชีกองทุนรวมกับหลักทรัพย์บัวหลวง คลิก
📌 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ BLS Customer Service โทร 0-2618-1111

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง