portbygen
portbygen

จัดพอร์ตการลงทุนในแต่ละช่วงอายุยังไงดี ?

จัดพอร์ตการลงทุนในแต่ละช่วงอายุยังไงดี ?

ทำไมถึงต้องมีการจัดพอร์ตลงทุน ?

ก็เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนไปในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น เงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น เป็นต้น เพื่อที่ว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับสินทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่ง เราก็ยังสบายใจได้ว่ายังมีสินทรัพย์ตัวอื่นๆอยู่ นอกจากนี้ การจัดพอร์ตลงทุนยังช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายทางการเงินได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะนั่นจะทำให้เรารู้ได้ว่าควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใด สัดส่วนเท่าไหร่ จึงจะได้รับผลตอบแทนสูงสุดในระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้

การจัดพอร์ตที่แตกต่างกันไปในแต่ล่ะช่วงวัย … เพราะอะไรกันนะ?

อายุต่างกัน… ก็รับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน ! เพราะในแต่ละช่วงวัยมีรายได้ เป้าหมายทางการเงิน ข้อจำกัดแตกต่างกัน จึงทำให้สัดส่วนการลงทุนต่างกัน  อายุยิ่งน้อย ความสามารถในการรับความเสี่ยงจะสูงกว่าคนที่มีอายุมากกว่า และมีระยะเวลาการลงทุนที่นานกว่า หรือที่เรามักได้ยินบ่อยๆ ว่า ออมก่อนรวยกว่า ลงทุนเร็วกว่าพอร์ตก็มีโอกาสเติบโตได้มากกว่าเช่นเดียวกัน

สำหรับการจัดพอร์ตตามแต่ละช่วงวัยนั้น ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า เราเลือกรูปแบบการลงทุนที่เสี่ยง เพื่อให้เงินได้เติบโตในช่วงแรก และค่อยๆ ลดความเสี่ยงลงเพื่อเลี่ยงการขาดทุนหนักในช่วงหลัง หรือช่วงที่ใกล้จะเกษียณอายุนั่นเอง

2

มาดูวิธีคิดของน้องๆ ในโครงการ  Anytime Internship TU หัวข้อ “รู้จักเงินเพื่อวางแผนชีวิต”  โดยมีโจทย์คือให้ทุกคนวางแผนเพื่อวัยเกษียณ  ในที่นี้เราขอนำชิ้นงานจาก น้องปวริสา สอวัฒนชาติ  นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งพูดถึงการวางแผนจัดพอร์ตลงทุนในระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัย ตั้งแต่วัยเริ่มทำงาน วัยสร้างครอบครัว ไปจนถึงวัยเกษียณ

ลงทุนอะไรถึงบรรลุเป้าหมาย ?

1. วัยเริ่มต้นทำงาน ถือเป็นวัยที่ได้เปรียบในการออมและการลงทุนมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานและสร้างอนาคต ยังไม่มีภาระที่ต้องรับผิดชอบมากนัก สามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงได้ แม้ว่าจะมีโอกาสสูญเสียเงินต้นสูงเช่นกัน แต่ก็ยังมีเวลาอีกนานเพื่อหารายได้มาทดแทน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการยอมรับความเสี่ยงของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน จึงควรเลือกลงทุนในสิ่งที่ตนเองเข้าใจและสอดคล้องกับระดับการยอมรับความเสี่ยงของตน

3

ตัวอย่างพอร์ตลงทุน

  • เน้นลงทุนในหุ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าการลงทุนเป็นหลัก ควรเลือกหุ้นที่เน้นการเติบโตมากกว่าเงินปันผล
  • ระยะเวลาการลงทุนนาน สามารถรอผลตอบแทนให้งอกเงยได้

 

2. วัยสร้างครอบครัว กลุ่มคนในช่วงอายุ 30 – 45 ปี ซึ่งทำงานมาแล้วระยะหนึ่ง เริ่มมีความก้าวหน้าและมั่นคงในอาชีพการงาน มีรายได้สูงขึ้น แต่ภาระค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นตามไปด้วย ผู้ที่อยู่ในวัยนี้จะมีภาระผูกพันและครอบครัวที่ต้องดูแล จึงมักจะมีรายจ่ายที่คาดไม่ถึงมากขึ้น ดังนั้นควรเก็บเงินสด/เงินฝากให้สูงขึ้นกว่าเดิม และลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลงเพราะเริ่มรับความเสี่ยงได้น้อยลง ควรเน้นการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าการลงทุนและสินทรัพย์เพื่อกระแสรายได้

4

ตัวอย่างพอร์ตลงทุน

  • เน้นลงทุนในหุ้น Big cap มากกว่าหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเพราะต้องการความมั่นคงของการลงทุน
  • เริ่มขยับไปหาหุ้นปันผลสูง เพื่อเพิ่มรายได้ที่เป็นแบบเงินสดสม่ำเสมอ
  • เริ่มมองหุ้นกู้พันธบัตรรัฐบาล ทองคำ เพื่อบริหารความเสี่ยงของพอร์ต

 

3. วัยเกษียณ กลุ่มคนที่มีอายุประมาณ 45 -59 ปี คนกลุ่มนี้เริ่มจะปลอดหนี้ ปลอดภาระจากค่าใช้จ่ายต่างๆ บางคนก็ไม่มีรายได้จากการทำงานแล้ว และเริ่มมีความกังวลต่อการเตรียมเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณ แม้ว่าค่าใช้จ่ายบางอย่างจะลดลงแต่ค่ารักษาพยาบาลก็เพิ่มขึ้นตามวัยและสุขภาพ ในช่วงวัยนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ได้ด้วยเงินสะสมของตนเอง ดังนั้นเป้าหมายสำคัญของการลงทุนจึงอยู่ที่การรักษาเงินต้นไม่ให้สูญเสียไป เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง แต่ใช่ว่าคนวัยนี้จะลงทุนในหุ้นไม่ได้เพราะหากใครมีทรัพย์สินเงินทองเก็บออมไว้มากพอ ก็อาจจัดสรรเงินไปลงทุนในหุ้นเพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้

122

ตัวอย่างพอร์ตลงทุน

  • เน้นลงทุนในหุ้นปันผลที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ ( Big Cap + Dividend Stock)
  • เน้นรายได้สม่ำเสมอเพราะผู้เกษียณอายุมักจะไม่มีรายได้อื่นมาช่วยเสริม ทำให้การลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้เป็นเพียงแนวทางในการจัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะกับช่วงวัยเท่านั้น ท่านสามารถที่จะปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับเงื่อนไข และข้อจำกัดอื่นๆของตนเอง เพื่อให้มีพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง