
Tips
เมื่อวันพุธที่ผ่านมานั้น...ทางหลักทรัพย์บัวหลวงเราได้จัดสัมมนาหัวข้อ "Aspen Workshop" จัดให้ตามคำเรียกร้อง รู้ลึก รู้จริง!! เปิดโปรแกรมใช้งานเป็น เรียกได้ว่า Workshop ครั้งนี้สุดเข้มข้น ละเอียดยิบตั้งแต่เริ่มติดตั้ง Aspen ผ่านทาง PC / Mobile จนถึงการใช้งาน ตีเส้นประลากเส้นโยง หาแนวโน้มราคาหุ้น...รวมไปถึงการสแกนหาหุ้นขาขึ้น !! วันนี้เราจึงได้หยิบยกหนึ่ง Indicator สุดฮิตที่ใช้วิเคราะห์แนวโน้มตลาดและราคาหุ้น อีกทั้งยังสามารถจับจังหวะซื้อขาย Buy Signal และ Sell Signal ได้อีกด้วย!! เครื่องมือที่เราพูดถึงนั้นก็คือ Moving Average เส้นค่าเฉลี่ยที่เราควรรู้!!
Moving Average Type ควรใช้เส้นค่าเฉลี่ยแบบไหนดี ?เส้นค่าเฉลี่ยที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ Simple Moving Average (SMA) และ Exponential Moving Average (EMA) เพื่อไขปัญหาที่ค้างคาใจนักลงทุนมือใหม่ที่ว่า...เราควรใช้เส้นค่าเฉลี่ยแบบไหนดีกว่ากัน แล้วสองแบบนี้ต่างกันอย่างไร ? ...การคำนวณเส้นแบบ SMA นั้น เป็นการคำนวณค่าแบบตรงไปตรงมา อย่างง่ายคือ เอาราคาในอดีตมาหาค่าเฉลี่ยโดยการหารจำนวนวันเลย ไม่มีวันและราคาไหนที่ให้น้ำหนักเด่นหรือมากกว่ากัน ส่วนเส้น EMA นั้นจะเป็นการคำนวณและให้น้ำหนักกับวันล่าสุดมากกว่า เส้นค่าเฉลี่ยจึงตอบสนองการเคลื่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาได้เร็วกว่า!!

Moving Average Period ควรใช้กี่วันดี ?มักเจอคำถามนี้จากนักลงทุนบ่อยๆ ว่า "เส้นค่าเฉลี่ย Moving Average ใช้กี่วันดีที่สุด ?" เราไม่สามารถฟันธงหรือตอบให้เคลียร์จบตรงประเด็นได้ว่าใช้กี่วันดีที่สุด เพราะนั่นขึ้นอยู่กับข้อจำกัดของการลงทุนที่ต่างกัน แต่หลักการสำหรับการเลือกใช้เส้นค่าเฉลี่ยนั้น เส้นเหล่านี้จะช่วยอ่านแนวโน้มทั้งระยะสั้น กลาง ยาว ดังนั้นเราจึงมีเหตุผลในการแบ่งเส้นค่าเฉลี่ยเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้... 1. เส้นระยะสั้น เส้นแนวโน้มที่นิยมใช้ 5-10 วัน ซึ่งจะช่วยบอกการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มแบบระยะสั้นมากๆ เหมาะกับคนที่มีเวลาเฝ้าหน้าจอ อย่างนักลงทุนแบบ Day Trade ...ถ้าเร็วไปอาจใช้ช้าลงหน่อยเป็น 20 หรือ 25 วัน ช่วยลดความผันผวนและเห็นแนวโน้มชัดเจนขึ้น 2. เส้นระยะกลาง เส้นแนวโน้มหลักในภาพที่กว้างขึ้น เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาดูจอทั้งวัน อย่างนักลงทุนแบบ Trend Follower เส้นที่นิยมที่สุด คือ 50 วัน ตามด้วย 75 และ 100 วัน 3. เส้นระยะยาว เป็นเส้นแสดงแนวโน้มการเคลื่อนไหวรอบใหญ่หลักปี บอกสภาวะของแนวโน้มขาขึ้นและขาลงอย่างชัดเจน เส้นที่นิยมใช้มากที่สุด คือ 200 วัน

การหา Trend ด้วย Moving Averageเวลาที่เราเปิดกราฟขึ้นมา เราจะไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าและตอบฟันธงได้ทันทีว่าหุ้นนี้จะขึ้นต่อ หรือลงต่อ แนวโน้มเป็นอย่างไร ? นี่คือคำตอบที่เส้นค่าเฉลี่ยช่วยได้ สภาวะไร้แนวโน้ม ที่เรียกว่า Sideway ราคาจะวิ่งออกด้านข้าง จุดสังเกตเส้นค่าเฉลี่ยจะวิ่งเป็นแนวนอน ส่วนในสภาวะที่มีแนวโน้มเกิดขึ้น เส้นค่าเฉลี่ยจะเคลื่อนที่ด้วยความชัน ยิ่งแนวโน้มชัดเจนเท่าไร องศาก็จะชันมากขึ้น!!

ทิศทางการเคลื่อนไหวของแนวโน้มการดูราคาเพียงอย่างเดียวนั้นอาจถูกหลอกได้ง่าย หนึ่งในข้อดีของการใช้เส้นค่าเฉลี่ย คือ ตัวช่วยในการตัดสิ่งรบกวน เห็นภาพชัด เห็นทิศทางมากขึ้น ...จุดนี้สามารถสังเกตโดยการดูทิศทางของเส้นค่าเฉลี่ย ถ้าเส้นชี้ขึ้น แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น ถ้าเส้นทิ่มลง แสดงถึงแนวโน้มขาลง... แต่ในบางครั้งเราต้องดูการเคลื่อนไหวของราคาประกอบกับเส้นค่าเฉลี่ยด้วย...

แนวรับ และ แนวต้านSupport and Resistance เส้นค่าเฉลี่ยนั้นยังสามารถทำหน้าที่ได้อีกหนึ่งอย่าง คือ เป็นเครื่องมือช่วยบอกแนวรับ แนวต้าน ในขาขึ้นราคาหุ้นชอบวิ่งกลับมาทดสอบแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย ถ้ารับอยู่ก็มีโอกาสขึ้นต่อ... ส่วนในขาลงก็กลับกันราคาหุ้นมักวิ่งทะยานขึ้นทดสอบแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ยก่อน ถ้าไม่ผ่านถึงค่อยลงต่อ เมื่อราคาวิ่งใกล้เข้าเส้นค่าเฉลี่ยให้จับตามอง เพราะนี่คือจุดสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการกลับตัวของราคา... เส้นค่าเฉลี่ยจึงใช้เป็นกลยุทธ์และหาจุดเข้า-ออกได้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเมื่อราคาทะลุเส้นค่าเฉลี่ย (แนวต้าน) หรือขายเพื่อ Stop loss ตอนราคาหลุดเส้น (แนวรับ)

เราเก็บภาพบรรยากาศสัมมนาที่ผ่านมาฝากกันนะคะ :)ตารางอบรมและสัมมนา ประจำเดือนมิถุนายน...คลิกที่นี่
