
“ดัชนีหุ้นไทยเปิดตลาดภาคเช้าที่ 1,572.06 จุด” เชื่อว่าใครที่กำลังจะเริ่มลงทุนหรือกำลังศึกษาการลงทุนในหุ้นจะต้องเคยได้ยินแล้วเกิดความสงสัยอย่างแน่นอนว่า ดัชนีคืออะไร… สำคัญอย่างไร… และจำเป็นต้องรู้หรือไม่?
ก่อนอื่นมารู้จักความหมายของคำว่า “ดัชนี (Index)” กันค่ะ ดัชนีเป็นค่าสถิติที่ใช้ติดตามความเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่ต้องการวัด ดังนั้น “ดัชนีราคาหุ้น” ก็คือเครื่องมือที่บ่งชี้ถึงระดับราคาและแนวโน้มของตลาดหุ้น โดยดัชนีราคาหุ้นในประเทศไทยมีมากมาย ได้แก่
ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index)
ดัชนีราคาหุ้นที่คำนวณด้วยวิธีถัวเฉลี่ยราคาหุ้นสามัญแบบถ่วงน้ำหนัก เปรียบเทียบระหว่างมูลค่าตลาดรวมในวันปัจจุบันของหุ้นสามัญทั้งหมดกับมูลค่าตลาดรวมในวันฐาน ก็คือวันที่ 30 เมษายน 2518 ซึ่งเป็นวันเปิดซื้อขายวันแรก
ดัชนีราคา SET50 Index
ดัชนีที่ใช้แสดงระดับราคาหุ้นสามัญ 50 ตัว โดยคัดเลือกกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) และสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุด 50 อันดับแรก
ดัชนีราคา SET100 Index
ดัชนีที่ใช้แสดงระดับราคาหุ้นสามัญ 100 ตัว โดยคัดเลือกกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) และสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุด 100 อันดับแรก
เกณฑ์ในการคัดเลือกของหลักทรัพย์ที่จะอยู่ใน SET50 และ SET100 มีดังนี้
- คำนวณแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization Weight)
- ไม่นำหลักทรัพย์ที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP เกิน 20 วันมารวมในการคำนวณ
- มีสัดส่วนผู้ถือหลักทรัพย์รายย่อย (Free-float) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว
- SET50 คำนวณโดยใช้หุ้นสามัญจดทะเบียนที่ผ่านการคัดเลือก 50 อันดับแรก
- SET100 คำนวณโดยใช้หุ้นสามัญจดทะเบียนที่ผ่านการคัดเลือก 100 อันดับแรก
ดัชนีราคา SET High Dividend 30 Index (SETHD)
ดัชนีที่ใช้สะท้อนความเคลื่อนไหวราคาของกลุ่มหลักทรัพย์ 30 ตัว ที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูงและมีสภาพคล่องซึ่งเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์มีดังนี้
- อยู่ใน SET100 ในรอบเดียวกัน
- มีการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง คือต้องจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปีและอัตราส่วนการจ่ายปันผลต่อกำไรสุทธิ (Dividend Payout Ratio) โดยเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง ไม่เกินร้อยละ 100
ดัชนีราคา sSET Index
ดัชนีราคาหุ้นที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสามัญซึ่งอยู่นอกเหนือดัชนี SET50 และ SET100 ที่มีอยู่เดิม มีสภาพคล่องในการซื้อขายสม่ำเสมอและมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยตามที่กำหนด ซึ่งเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์มีดังนี้
- มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สะสมอยู่ในลำดับ 90% – 98% ของหุ้นสามัญทั้งตลาด เมื่อเรียงลำดับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดจากมากไปน้อย โดยพิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเฉลี่ยต่อวันย้อนหลัง 3 เดือน
- ไม่เป็นหลักทรัพย์ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นองค์ประกอบของดัชนี SET100 ในรอบเดียวกัน
- มีสัดส่วนผู้ถือหลักทรัพย์รายย่อย (Free-float) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว