
ในวันนี้ทาง BLS Global Investing จะพาทุกคนมาเกาะกระแส “การลงทุนผ่าน ETF ทั่วโลก แบบรักโลก” ซึ่งผลิตภัณฑ์ ETF เป็นที่นิยมมานานแล้วในสหรัฐฯ และยังคงมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการลงทุนธีม Thematics ซึ่งเป็นการลงทุนแบบตามกระแสหลักของโลกในปัจจุบัน
ปัจจุบัน Exchange Traded Fund หรือ ETF ทั่วโลกมีทั้งหมด 6,919 ตัว คิดเป็นมูลค่า 5,716 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่ง ETF เป็นส่วนประกอบหนึ่งของ Exchange Traded Product หรือ ETP ที่ประกอบไปด้วย ETF ที่เราคุ้นเคยกัน รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นอย่าง Exchange Traded Note (ETN) ที่อิงกับหุ้นกู้แบบไม่มีหลักประกันด้วย
โดยประเทศสหรัฐฯ ถือเป็นแหล่งรวม ETF หลากหลายจากรอบโลกถึง 2,072 ตัว มูลค่า 4,076 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็น 70% ของมูลค่า ETF ทั้งโลกเลยทีเดียว และหากไปดูที่การเติบโตของมูลค่า ETF ย้อนหลัง 10 ปี จะเห็นได้ว่ามูลค่า ETF ทั่วโลกเติบโตขึ้นเฉลี่ย 20% ต่อปี และตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงปัจจุบันเติบโตขึ้น 17%
ซึ่งการลงทุนใน ETF ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน โดยมีเม็ดเงินไหลเข้า ETF ทุกสินทรัพย์ในเดือนตุลาคม มูลค่า 3 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยเข้าใน ETF หุ้นสหรัฐฯ 7 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ และ ETF ตราสารหนี้สหรัฐฯ 1.4 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยหากนับตั้งแต่ต้นปีมีเงินไหลเข้า ETF ทุกสินทรัพย์แล้ว 2.2 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ
แล้วทำไมการลงทุนใน ETF ถึงได้รับความนิยมขนาดนี้ ?
นอกเหนือจากนักลงทุนทั่วไปที่ใช้ ETF ในการจัดพอร์ตการลงทุนและกระจายความเสี่ยงแล้ว ยังมีนักลงทุนสถาบันกลุ่มอื่นอีกที่ใช้ ETF นั่นก็คือ…
1. บริษัทประกัน ใช้ ETF เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ประกัน เช่น ประกันแบบ Unit Links เป็นต้น
2. การบริการลูกค้าส่วนบุคคล หรือ Private Bank ใช้ ETF เป็นส่วนหนึ่งของการจัดพอร์ตการลงทุนให้กับลูกค้า เพื่อกระจายความเสี่ยง
3. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ. ใช้ ETF เป็นส่วนประกอบของกองทุนรวม เนื่องจากลงทุนได้ง่าย และกระจายความเสี่ยง รวมถึงสามารถใช้ ETF ในการจับจังหวะการลงทุนได้อีกด้วย
4. Robo Advisor ในปัจจุบันมีการใช้ ETF หลากหลายตัวในการทำ Model Portfolio แต่ละประเภทสินทรัพย์ให้ลูกค้าได้เลือกลงทุนได้ด้วยตนเอง
ETF ที่เป็นกระแสหลักของโลกในตอนนี้มีอะไรบ้าง ?
นอกเหนือจาก ETF ที่อิงกับดัชนีต่างๆ ของตลาดหุ้นทั่วโลกและที่เน้นลงในหุ้นอุตสาหกรรมแล้ว ในปัจจุบันก็มี ETF เกิดใหม่ที่เน้นการลงทุนแบบ Thematics มากขึ้น ซึ่งก็คือการลงทุนที่เป็นไปตามกระแสหลักของโลกในปัจจุบัน อย่างเช่น การรักษาสิ่งแวดล้อม หรือ ESG, Cyber Security, Robotics และ AI เป็นต้น
ในวันนี้ทาง BLS Global Investing จะขอเน้นไปที่การลงทุนในธีม ESG ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากคนรุ่นใหม่ใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า ESG หมายถึงอะไร
E ตัวแรกหมายถึง Environment หรือการจัดการสิ่งแวดล้อม คือบริษัทมีดำเนินกิจการโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีกระบวนการที่จะฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินกิจการของบริษัท
S ย่อมาจาก Social หรือสังคม นั่นก็คือบริษัทคำนึงถึงทรัพยากรบุคคล โดยปฏิบัติกับพนักงานอย่างเท่าเทียม และดูแลชุมชนที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการให้เติบโตอย่างยั่งยืน
และสุดท้ายคือตัว G ย่อมาจาก Governance หรือบรรษัทภิบาล คือการที่บริษัทมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี โปร่งใส ต่อต้านการทุจริต
ซึ่ง ETF ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นยั่งยืนหรือ ESG ก็มีหลากหลายกองเช่นกัน วันนี้จะขอมายกตัวอย่าง ETF ที่มีนโยบายการลงทุนในบริษัทที่ดำเนินกิจการภายใต้ ESG 2 ตัวด้วยกัน
ETF ตัวแรกก็คือ “MSCI USA ESG Leaders Equity ETF” (USSG) เป็น ETF ที่ออกโดยบลจ. ชั้นนำชื่อดังฝั่งยุโรป DWS Investments ที่อยู่ภายใต้ธนาคารสัญชาติเยอรมัน Deutsche Bank ซึ่ง ETF ตัวนี้จะเลือกลงทุนในบริษัทที่มีธรรมาภิบาลที่ดีจำนวน 316 ตัว ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี MSCI USA ESG Leaders ที่มีหุ้นชื่อดังเช่น Microsoft (MSFT) และ Alphabet (GOOGL) เป็นต้น โดย ETF เพิ่งก่อตั้งไปเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการที่ 1.5 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ และสร้างผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 15% อีกทั้งมีค่าธรรมเนียม (Expense ratio) อยู่ที่ 0.1%
ส่วน ETF ตัวที่สองคือ “iShares MSCI Global Impact ETF” (SDG) ออกโดยบลจ.ชื่อดังอย่าง Blackrock มีนโยบายการลงทุนในบริษัททั่วโลกที่ประกอบธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และมีการกำกับดูแลภายในกิจการที่โปร่งใส ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี MSCI ACWI Sustainable Impact ซึ่ง ETF มีสัดส่วนหุ้นในพอร์ตจากประเทศสหรัฐฯ 33% รองลงมาเป็นญี่ปุ่น 13% โดยหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของ ETF ตัวนี้ ก็มีหุ้นที่เราคุ้นเคยกันดี อย่าง Procter & Gamble หรือ P&G (PG) รวมถึง Tesla (TSLA) และรถไฟฟ้าใต้ดินญี่ปุ่น East Japan Railway เป็นตัน ซึ่ง ETF นี้มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการที่ 65 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ และสร้างผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 19% อีกทั้งมีค่าธรรมเนียม (Expense ratio) อยู่ที่ 0.49%
(Source: DWS, Blackrock ณ วันที่ 28 พ.ย. 2562, SET)
ติดตามความรู้ทางด้านการลงทุนดีๆ กับพวกเรา