electricvehicle
electricvehicle

หุ้นรถ EV วิเคราะห์ถูกแพงอย่างไร

หุ้นรถ EV วิเคราะห์ถูกแพงอย่างไร

พิเศษ! วันนี้หลักทรัพย์บัวหลวงจะพามาร่วมวิเคราะห์หุ้น เจาะลึก หุ้นรถ EV วิเคราะห์ถูกแพงอย่างไร กับรายการ ร.ว.ย. เล่าเรื่องหุ้นสไตล์หลักทรัพย์บัวหลวง
-เทรนด์อนาคตรถ EV
-แนะนำหุ้นในกลุ่ม EV แพงไปหรือยัง ดูอย่างไร
-ลงทุนหุ้น หรือกองทุน ในกลุ่ม EV ต้องทำอย่างไร

อย่าลืม… กด Subscribe Bualuang Youtube ได้ที่ Bualuang Youtube และกดกระดิ่ง เพื่อติดตามความรู้จากทีมงาน แล้วคุณจะไม่พลาดทุกการอัปเดตของการลงทุนนะคะ

กลยุทธ์การลงทุนธีม EV และแบตเตอรี่


EV และ Battery เป็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังมาแรง โดยประเทศไทยเองก็ต้องเร่งแก้ปัญหามลภาวะ และรักษาการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค
 

แบตเตอรี่คือกุญแจในการเปลี่ยนแปลง...

หลายประเทศเริ่มตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ กุญแจ สําคัญในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวคือการเปลี่ยนแปลงระบบขนส่งและการ ผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานสะอาด ยานยนต์ในอนาคตจะถูก ขับเคลื่อนด้วยกระแสไฟฟ้าที่มาจากแหล่งพลังงานสะอาดแทนการเติมน้ำมัน การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต้องการแบตเตอรี่ สถาบันวิจัยบางแห่งคาดว่า อุปสงค์แบตเตอรี่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสิบปีต่อจากนี้ โดยราคารถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะเริ่มลดลงมาใกล้เคียงรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง (ICEV) ใน กลางทศวรรษที่ 20 อ้างอิงจาก Bloomberg New Energy Finance (BNEF)
 

ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงแรกของการเปลี่ยนแปลง

ปัญหาสิ่งแวดล้อมจะผลักดันให้เกิดการใช้รถ EV มากขึ้นใน ประเทศไทย นอกจากนี้ประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย จึงคาดว่ารัฐบาลจะมีนโยบายสนับสนุน อุตสาหกรรม EV ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้สอดคล้องกับ roadmap (ตั้งเป้า สัดส่วนการผลิตรถยนต์ EV เพิ่มขึ้นเป็น 30% ในปี2568, 50% ในปี2573, และ 100% ในปี2578 ซึ่งเทียบเท่ากับอุปสงค์แบตเตอรี่ราว 0.6-0.9 TWh ต่อปี) 

หากการผลิตรถยนต์ EV ในไทยเป็นไปตามคาดการณ์ของ EV roadmap (สัดส่วนยานยนต์ไฟฟ้าที่ 100% ในปี 2035) จะทำให้เกิดอุปสงค์แบตเตอรี่จำนวนมาก

ที่มา: BLS Research
 

ครม.อนุมัติมาตรการสนับสนุนรถไฟฟ้า (EV) ลดราคา 70,000 - 150,000 บาท/คัน

ครม.เคาะแพ็กเกจอีวีครบครันทั้งมาตรการภาษีและไม่ใช่ภาษีครอบคลุมรถยนต์ รถกระบะ และ รถจักรยานยนต์ลั่นบูมใช้รถช่วงปี2565-66 ก่อนเน้นส่งเสริมการผลิตอีวีในประเทศปี67-68


การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) (15 ก.พ.65 ) มีวาระการประชุมที่สำคัญ กระทรวงพลังงาน เสนอ มติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ครั้งที่ 3/2564 และครั้งที่ 1/2565 ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า รถอีวี หรือ รถ EV ทั้งระบบ โดยเฉพาะการสนับสนุนดีมานต์ผู้ใช้รถอีวีในประเทศ (มาตรการนี้ใช้กับแบรนด์รถยนต์และจักรยานยนต์ที่เป็นโรงงานผลิตในประเทศไทย) โดยที่บอร์ดอีวีจะมีการเสนอนั้นลดราคารถอีวี ครอบคลุม ทั้งรถยนต์ รถกระบะ และรถจักรยานยนต์ ลดราคา 70,000 - 150,000 บาทต่อคัน

โดยจะมีมาตรการ ดังนี้แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ปี 2565-2568 ส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้า 3 กลุ่ม คือ

1. เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าและรถกระบะไฟฟ้าคันละ 70,000-150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 18,000 บาทต่อคัน
2. ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% และรถกระบะเป็น 0%
3. ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตจากต่างประเทศและนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% สำหรับรถยนต์ถึงปี 2566
4. ยกเว้นอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ


ทั้งนี้ ค่ายรถที่เข้าร่วมต้องรับเงื่อนไข ได้แก่ ผลิตชดเชยให้เท่ากับจำนวนที่นำเข้า CBU ช่วงปี 2565-2566 ในปี 2567 แต่ขยายเวลาได้ ถึงปี 2568 จะต้องผลิตในอัตราส่วน 1.5 เท่า (นำเข้า 1 คัน ผลิต 1.5 คัน) ผู้ใช้สิทธิ์จะผลิต BEV รุ่นใดก็ได้เพื่อชดเชย ยกเว้นรถที่มีราคาขายปลีกราคา 2-7 ล้านบาทต้องผลิตรุ่นเดียวกับที่นำเข้ามา เป็นต้น
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ
ทำความรู้จักยานยนต์ไฟฟ้า 4 ประเภท

1.ยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด หรือ (HEV, Hybrid electric vehicle)

รถยนต์ไฮบริด เป็นยานยนต์ไฟฟ้าแบบลูกผสม (Hybrid) มีทั้งเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปและมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่ จึงมีความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่ายานยนต์ปกติ รวมทั้งยังสามารถนำพลังงานกลที่เหลือหรือไม่ใช้ประโยชน์เปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าเก็บในแบตเตอรี่  แต่ไม่มีช่องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟฟ้า

เป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนาต่อยอดมาจาก HEV ซึ่งมีการทำงานทั้ง 2 ระบบ (น้ำมันและไฟฟ้า) แต่เพิ่มระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟขึ้นมา (plug-in) การอัดประจุไฟฟ้าจากภายนอกและนำมาเก็บไว้ที่แบตเตอรี่นั้น ทำให้ PHEV สามารถวิ่งได้ในระยะทางที่ไกลกว่า HEV
 

2.ยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน (PHEV, Plug-in Hybrid Electric Vehicle)

เป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนาต่อยอดมาจาก HEV ซึ่งมีการทำงานทั้ง 2 ระบบ (น้ำมันและไฟฟ้า) แต่เพิ่มระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟขึ้นมา (plug-in) การอัดประจุไฟฟ้าจากภายนอกและนำมาเก็บไว้ที่แบตเตอรี่นั้น ทำให้ PHEV สามารถวิ่งได้ในระยะทางที่ไกลกว่า HEV

3.ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV, Battery Electric Vehicle)

เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยไอเสียออกมาเลย เนื่องจากเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และใช้พลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้า ซึ่งมาจากการเสียบปลั๊กชาร์จไฟฟ้าอย่างเดียว  ไม่มีการปล่อยมิลพิษทางอากาศจากยานยนต์โดยตรง

4.ยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV, Fuel Cell Electric Vehicle) 

ไฟฟ้าที่มีเซลล์เชื้อเพลิง เป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้พลังงานมาจากเซลล์เชื้อเพลิง (fuel cell) โดยเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนจากภายนอก มีความจุพลังงานจำเพาะที่สูงกว่าแบตเตอรี่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เชื่อว่าเป็นคำตอบที่แท้จริงของพลังงานสะอาดในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามยังมีข้อจำกัดอย่างสถานีเชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Hydrogen Fuel Station) มีน้อยมาก เหมือนที่รถ BEV มี Charging Station ที่น้อยเมื่อหลายปีก่อน

P17_TechnologyEV-01.jpg

ที่มา: สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย

📌 เปิดบัญชีหุ้นออนไลน์กับหลักทรัพย์บัวหลวง สะดวก ง่าย ไม่ต้องส่งเอกสาร คลิก  👇

MicrosoftTeams-image-635.png

หรือศึกษาวิธีการเปิดบัญชีบนหน้าเว็บไซต์เพิ่มเติม คลิก 
 

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง