Cash-Balance-vs-Cash-Collateral
Cash-Balance-vs-Cash-Collateral

ข้อแตกต่างระหว่างประเภทบัญชี Cash Balance กับบัญชี Cash Collateral

ข้อแตกต่างระหว่างประเภทบัญชี Cash Balance กับบัญชี Cash Collateral
Cash BalanceCash Collateral
 
 cash-balance.png ประเภทบัญชีหุ้น.png
  • Pre-paid เป็นบัญชีที่นักลงทุนจะต้องวางหลักประกันเต็มจำนวนก่อนการซื้อขาย โดยสามารถซื้อหลักทรัพย์ได้ไม่เกินจำนวนเงินที่นำมาฝากไว้กับบริษัท
  • Post-paid, บัญชี T+2 เป็นบัญชีที่นักลงทุนจะต้องวางหลักประกัน 20% ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติ
 เหมาะกับใคร
  • นักลงทุนมือใหม่
  • นักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องในการวางหลักประกัน โดยวางหลักประกัน 20% ของวงเงิน และชำระเงินค่าหุ้นอีก 2 วันทำการถัดไป
  • เปิดบัญชีได้ง่าย อนุมัติไว
  • นักเก็งกำไรที่มีการซื้อขายในวัน (Net Settlement) โดยชำระเงินส่วนต่างอีก 2 วันทำการถัดไป
  • ไม่ต้องใช้ statement ย้อนหลัง
 
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ (กรณีซื้อขายทางอินเตอร์เน็ต และสมัครใช้บริการ E-request)
 
 หลักฐานการสมัคร
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาหน้าแรกสมุดบัญชีออมทรัพย์
  • สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 3 เดือน
 
  • สำเนาหน้าแรกสมุดบัญชีธนาคารที่ใช้ตัดบัญชี ATS
 อัตราค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (ไม่รวม VAT)
  • ส่งคำสั่งผ่านอินเตอร์เน็ต 0.1578% ของมูลค่าการซื้อขาย
  • ส่งคำสั่งผ่านอินเตอร์เน็ต 0.2078% ของมูลค่าการซื้อขาย ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 100 บาท/วัน
  • ส่งคำสั่งผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด 0.2578% ของมูลค่าการซื้อขาย ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 100 บาท/วัน
  • ส่งคำสั่งผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด 0.2578% ของมูลค่าการซื้อขาย ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 100 บาท/วัน
การวางเงินหลักประกัน
  • วางเงินหลักประกันเต็มจำนวน คือโอนเงินเข้าพอร์ตเท่าไหร่ สามารถเทรดได้เท่านั้น
  • วางเงินหลักประกัน 20% ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติ จะสามารถเทรดได้ 100% โดยหักเงินจากบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ในวันทำการที่ 2 (T+2)
 การรับค่าขายหุ้น
  • เงินอยู่ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ สามารถใช้ซื้อหลักทรัพย์ต่อได้ทันที
  • โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ในวันทำการที่ 2 (T+2)

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง