
Tips
ถ้าถามว่า “บริษัทจดทะเบียนแห่งใดใหญ่ที่สุดในโลก” ถ้าก่อนหน้านี้ก็คงต้องตอบว่า “หุ้น Microsoft” (MSFT) เพราะมีมูลค่าตลาดมากถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 33 ล้านล้านบาท เพราะผลิตสินค้าที่เราคุ้นเคยกันอย่างดี เช่น Software อย่าง Windows หรือ Microsoft Offices แต่ล่าสุดโดน หุ้น Apple (AAPL) เบียดขึ้นแท่นยืนหนึ่งไปเรียบร้อย โดยมีมูลค่าตลาดเฉลี่ย 30.6 ล้านล้านบาท หรือราว 2 เท่าของ GDP ไทย (หุ้น MSFT และ AAPL จดทะเบียนซื้อขายในตลาด NASDAQ)
แต่หากถามว่า “หุ้นที่ราคาสูงสุดในโลก” คือหุ้นอะไร? คำตอบคงหนีไม่พ้น “หุ้น Berkshire Hathaway (BRK)” ทว่า “ราคาแพง” หรือ “ราคาสูง” อาจเป็นคำที่ทำให้หลายคนสับสนได้ สำหรับการดูราคาหุ้นแต่สำหรับหุ้น BRK มาดูกันว่า แท้จริงแล้ว ราคาแพง หรือ ราคาสูง...? ปัจจุบันหุ้น BRK มีด้วยกัน 2 Class คือ Class A และ Class B ซึ่งมีความแตกต่างกันที่ราคาหุ้นและสิทธิการออกเสียงในที่ประชุมหรือการโหวต…
Class A คือ BRKa:US มีราคาอยู่ที่เฉลี่ย 325,102 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 9.8 ล้านบาท ต่อ1 หุ้น!! ซึ่ง Class A จะมีสิทธิการโหวตมากกว่า Class B และสามารถ Split เป็น Class B หลายๆหุ้นได้
Class B คือ BRKb:US มีราคาอยู่ที่เฉลี่ย 216.63 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นประมาณ 6,500 บาท ต่อ 1 หุ้น แต่ไม่สามารถซื้อแล้วรวมกันเป็น Class A ได้ (ราคาปิด Class A และ Class B ตัวเลข ณ วันที่ 21 พ.ย. 62)
Berkshire Hathaway ดำเนินธุรกิจ Holding ด้วยการเข้าไปซื้อบริษัทชื่อดังต่างๆ เช่น APPLE, Coca-Cola และ Bank of America เป็นต้น (TOP 3 ที่ Warren ถือผ่าน Berkshire Hathaway) ล่าสุดได้เข้าไปซื้อหุ้น RH และ OXY ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านค้า
ปลีกเฟอร์นิเจอร์หรู และบริษัทพลังงานขนาดใหญ่ ตามลำดับ ขณะเดียวกันยังได้ลดส่วนการลงทุนในสถาบันการเงินอย่าง Wells Fargo และ PSX ที่ดำเนินธุรกิจพลังงาน
ปัจจุบัน Berkshire Hathaway ถือหุ้นใหญ่ โดยนักลงทุน VI ระดับโลกอย่าง “Warren Buffett” (วอร์เร็น บัฟเฟตต์) ที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 4 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินในตลาดหลักทรัพย์ 8.66 หมื่นล้านดอลลาร์ ตัวเลข ณ วันที่ 15 พ.ย.2562 (อ้างอิงข้อมูลจากการจัดอันดับของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก) ซึ่ง Warren เป็นคนแรกที่เข้าไปซื้อกิจการของ Berkshire Hathaway สมัยยังดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งตอนนั้นกิจการย่ำแย่มาก แต่เขาก็ตัดสินใจควักเงินซื้อ ด้วยเหตุผลที่ว่า…บริษัทมีราคาถูก เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่มีอยู่!!!
แม้หุ้นจะราคาสูง แต่หากมองในเชิง PE แล้ว อยู่ที่เพียงราว 20 เท่า (Source: Yahoo Finance) ซึ่งนับว่าไม่แพงเลย สำหรับหุ้นระดับโลกแบบนี้….
หุ้น APPLE & Coca-Cola สวยตรงไหน!!ทีม BLS Global Investing เล่าว่า หุ้น Apple (AAPL) ผู้ผลิตและจำหน่าย มือถือ แท็บแล็ต คอมพิวเตอร์ รวมถึง ให้บริการอื่นๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยี ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ AAPL มีผู้ใช้งานถึง 1.4 พันล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งเป็น iPhone ทั้งหมด 900 ล้านเครื่อง โดยรายได้หลักของ AAPL มาจากการขาย iPhone สัดส่วนรายได้ประมาณ 62% ของรายได้รวม ที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับโครงสร้าง ด้วยการเพิ่มสัดส่วนไปยังรายได้จากการให้บริการมากขึ้น เช่น การดาวน์โหลด Application, Apple Music ซึ่งรายได้จากธุรกิจนี้เติบโตขึ้นกว่า 3 เท่า ในช่วงปี 2560-2561 ขณะเดียวกันยังโดดเข้าสู่ ธุรกิจบัตรเครดิต (Apple Card) ซึ่งทำร่วมกับ Goldman Sachs หุ้น Coca-Cola Co (KO) ผู้ผลิตสินค้าบริโภคชั้นนำของโลก โดยมีแบรนด์สินค้าในเครือกว่า500 แบรนด์ เช่น Coco-cola, Sprite และ Fanta เป็นต้น ซึ่ง Warren Buffett ปรมาจารย์นักลงทุนเน้นคุณค่าของโลก ก็เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของหุ้น KO ล่าสุด Morgan Stanley มองว่า หุ้น KO ถือเป็นอีกหนึ่งของ หุ้น Defensive ที่ปลอดภัยและมีพื้นฐานดี โดยให้ Rating เป็น Overweight และราคาเป้าหมายที่ระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐ โดยมอง EPS Growth ปี 2563 ที่ 8.5% ใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus สำหรับใครที่ถือหุ้น BRK ไม่ว่าจะเป็น Class A หรือ Class B ก็มีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นกับคุณปู่บัฟเฟตต์และคุณปู่มังเกอร์คู่หูได้นะ!! ซึ่งงานประชุมผู้ถือหุ้นจะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 2 พ.ค.63 รีบจองตั๋วบินลัดฟ้าไปเจอคุณปู่ทั้งสองคนตัวเป็นๆได้เลย...
สนใจลงทุนหุ้นต่างประเทศ อ่านเพิ่มเติม…คลิกที่นี่ หรือโทร. 02-618-1111

หรือสนใจเปิดบัญชีหุ้นออนไลน์ กับ หลักทรัพย์บัวหลวง ได้ที่…

ติดตามความรู้ทางด้านการลงทุนดีๆ กับพวกเรา


