39465
39465

พร้อมรับไม้ต่อ JMART หรือยัง ?

พร้อมรับไม้ต่อ JMART หรือยัง ?
อีกไม่เกิน 3 ปี “คุณเจ เอกชัย สุขุมวิทยา” บุตรชายคนเดียววัย 29 ปี จากจำนวนพี่น้อง 2 คน (พี่สาวคนโตอายุห่างกัน 4 ปี) ของ “คุณอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” และ “คุณยุวดี พงษ์อัชฌา” ผู้ก่อตั้ง บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART จะต้องขึ้นแท่นกุมบังเหียนองค์กรตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อ เขาพร้อมหรือยัง ? บมจ. เจมาร์ท ก่อตั้งเมื่อปี 2531 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่บุตรชายคนเล็กของตระกูลสุขุมวิทยา “คุณเจ” ลืมตาดูโลกพอดี และนั่นจึงเป็นที่มาของชื่อเล่นว่า "JAY' J มาจากตัวอักษรแรกของพี่สาว (คุณจุฑามาศ) A อักษรตัวแรกของผู้เป็นพ่อ (คุณอดิศักดิ์) และ Y อักษรตัวแรกของผู้เป็นแม่ (คุณยุวดี) ส่วนคำว่า mart คุณอดิศักดิ์ ได้แรงบันดาลใจมาจาก Kmart ซูเปอร์สโตร์ขนาดใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ผู้เป็นพ่อจะไม่เคยขอให้บุตรชาย เข้ามาสานต่อกิจการ แต่ “คุณเจ” ก็ยอมทิ้งความรักในเส้นทางดนตรีแล้วลงเรียนด้านการเงิน เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสืบทอดกิจการ เพราะหลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านการเงิน จาก Babson College ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเลือกที่จะเรียนต่อปริญญาโทด้านการตลาด มหาวิทยาอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทันที หลังจบการศึกษา คุณอดิศักดิ์ ไม่รอช้ารีบส่งทายาทคนเล็ก ไปเรียนรู้งานต่างๆ ตามบริษัทในเครือของเจมาร์ทเฉลี่ยบริษัทละ 1-2 ปี ปัจจุบันนั่งบริหารงานในตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเวนเจอร์ จำกัด และเมื่อหลายเดือนก่อน ผู้เป็นพ่อส่งไปดูแล บริษัท บีนส์แอนด์บราวน์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านกาแฟแบรนด์ “คาซ่า ลาแปง” (Casa Lapin) และ Rabb Coffee ซึ่ง บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท หรือ J ของกลุ่มเจมาร์ท ได้เข้าถือหุ้นสัดส่วน 60% เมื่อปี 2560 หลัง “หนุ่มเจ” มีความชื่นชอบในการชิมกาแฟเป็นพิเศษ 1545711933149

"ร้านคาซ่า ลาแปง สาขาเซ็นทรัลเวิลด์"

เมื่อถึงเวลาต้องทำให้ได้!!!
คุณเจ ยอมรับว่า “พ่อให้เวลาเรียนรู้งานอีกแค่ 3 ปี ถือว่าเร็วมาก เพราะผมคงไม่รู้จักงานทุกซอกทุกมุมเหมือนพ่อ แต่จากการเข้าทำงานในแต่ละบริษัทในช่วงก่อนหน้านี้ ก็พอจะทำให้รู้หลักการทำงานเบื้องต้น ผมคงไม่ขอขยายระยะเวลาคงทำตามเจตนารมณ์ของท่าน หากเห็นสมควร ก็พร้อมออกไปลุย เพราะท่านจะยังคงอยู่เบื้องหลังคอยให้คำปรึกษาทุกเรื่องเหมือนเดิม” วันนี้ยังไม่ได้รับโจทย์การบริหารงานหลักๆจากพ่อ แต่เมื่อ 3 ปีก่อน พ่อเคยพูดว่า อยากเห็น “มาร์เก็ตแคป 5 ปี 5 หมื่นล้าน” ทุกวันนี้ท่านก็ยังคงยืนยันคำเดิม แม้ตอนนี้จะยังเดินทางไปไม่ถึง หลังผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ออกมาไม่ดีเท่าไรนัก แต่ในฐานะผู้สืบทอดกิจการ ก็พร้อมจะทำทุกทาง เพื่อให้องค์กรเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย ในช่วง 2 ปีข้างหน้า หากไม่มีสถานการณ์เซอร์ไพรส์ เชื่อว่า ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทุกบริษัทที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของ “เจมาร์ท” จะร่วมด้วยช่วยกันสร้างความเติบโต ที่แน่ๆ ในปี 2562 เราต้องพลิกเป็นกำไรให้ได้ โดยมีบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน)  หรือ JMT เป็น “ฮีโร่”  “พ่อไม่เคยบังคับให้เข้ามาสานต่อกิจการ แต่ลึกๆ เรารู้อยู่แล้วว่า เมื่อถึงเวลาต้องเข้ามาทำงานแทนพ่อ ถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำต่อ” บุรุษผู้เกิดปีเดียวกับ “เจมาร์ท” ยืนยันเช่นนั้น
พ่อลูกต่างสไตล์...
ผู้บริหารหนุ่ม บอกว่า แม้จะเป็นพ่อลูกกัน แต่ก็มีสไตล์การทำงานแตกต่างกัน  พ่อจะออกแนวบู๊ เพราะต้องทำงานสู้กับคู่แข่งควบคู่กับการดูแลลูกน้อง แม้ท่านจะรู้ดีว่า เมื่อบริษัทนิ่งแล้วลีดเดอร์ขององค์กรก็ไม่จำเป็นต้องทำงานแบบโหดอีกต่อไป ส่วนสไตล์การทำงานของผมจะไม่บู๊เท่าพ่อ นโยบายการบริหารประจำตัวของผม คือ “ไม่ว่าจะทำงานอะไร ความต้องการของลูกค้าต้องมาก่อนตัวเลข เพราะถ้าลูกค้ามีความสุข ธุรกิจก็จะเกิด” ความสุขของลูกค้า ควรเริ่มต้นตั้งแต่ก้าวเข้ามาร้าน ยกตัวอย่าง ลูกค้าหนึ่งรายควรใช้เวลาซื้อสินค้านานแค่ไหน ที่ผ่านมาหนึ่งรายใช้เวลามากถึงครึ่งชั่วโมง ถือว่านานเกินไป ตอนนี้กำลังเซ็ทระบบการขายใหม่ให้มีความกระชับมากกว่านี้ เพราะยุคนี้ผู้บริโภคต้องการความรวดเร็ว ยิ่งคู่แข่งที่เยอะขึ้น และผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้รวดเร็ว เรายิ่งต้องปรับตัว
วิถีพ่อที่ต้องเลียนแบบ...
“ปรับตัวรวดเร็ว” เป็นกลยุทธ์การทำงานของพ่อที่ผมชอบมากที่สุด พ่อทำทุกอย่างเร็วมาก (ลากเสียงยาว) และมองทุกเรื่องเแบบยาวๆ  ทำให้ที่ผ่านมามักเห็นพ่อโดดเข้าไปทดลองทำหลายๆเรื่องก่อนคนอื่นเสมอ เช่น ธุรกิจเก็บหนี้  และธุรกิจฟินเทค เป็นต้น ทุกครั้งที่พ่อตัดสินใจจะทำอะไร ท่านจะค่อยๆ  เริ่มจากจุดเล็กๆ จะไม่ใส่เงินลงทุนก้อนใหญ่ ถ้าทำแล้วไม่คุ้มค่า ท่านจะออก ไม่ดันทุรังทำต่อ แต่ถ้าทำแล้วประสบผลสำเร็จ ก็จะค่อยๆ ขยายตัวไปเรื่อยๆ ยกตัวอย่าง สาขาไหนขายไม่ถึงเป้าหมายพ่อจะสั่งปิด แล้วมาโฟกัสในสาขาที่ไปต่อได้ หรือหันไปจับมือกับพันธมิตรรายอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับองค์กรและพันธมิตร “พ่อไม่เคยสอนเรื่องการทำธุรกิจอย่างจริงจัง แต่จะสอนทางอ้อม ผ่านการเข้าร่วมประชุมด้วยกันบ่อยๆ แต่เรื่องหนึ่งที่พ่อมักสอนลูกทุกคนเสมอ คือ สอนให้เป็นคนดี ห้ามทำเรื่องผิดกฎหมาย และห้ามโกงคนอื่น”
ปั้น “คาซ่า ลาแปง” ภารกิจด่วน...
หนุ่มเจ เล่าว่า ตอนนี้กำลังสนุกกับการปลุกปั้น ร้านกาแฟแบรนด์คนไทย ภายใต้ชื่อ “คาซ่า ลาแปง” และ “Rabb Coffee” ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เราอยากให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ดื่มกาแฟที่มาจากเมล็ดกาแฟไทย 100% ซึ่งมีรสชาติดีไม่แพ้เมล็ดกาแฟจากประเทศอื่น เพราะเมล็ดกาแฟของไทยเพาะปลูกตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่เรานำมาจากจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และน่าน แม้จะต้องการปั้นแบรนด์ คาซ่า ลาแปง ให้เป็นร้านกาแฟ Local เหมือนประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง หรือสหรัฐอเมริกา แต่เราจะไม่เน้นขยายสาขามากๆ เพราะไม่ต้องการให้เป็นตลาดแมส แม้ที่ผ่านมาจะมีเจ้าของพื้นที่หลากหลายแห่งชักชวนเราเข้าไปเปิดสาขาใหม่ๆก็ตาม ปัจจุบัน “คาซ่า ลาแปง” มีทั้งหมด 6 สาขา เซ็นทรัลเวิลด์, เมเจอร์เอกมัย, สุขุมวิท 26, ซอยอารีย์, แบดโมเทล ทองหล่อ และราชเทวี เกือบทุกสาขาทำกำไรได้ค่อนข้างดี และตลอดปี 2562 จะเปิดอีก 3 สาขา เน้นลักษณะ stand-alone คือ พัทยา 1 แห่ง และย่านบางนาอีก 2 แห่ง ในอนาคตวางแผนจะโกอินเตอร์ไปเปิดสาขาในประเทศสิงคโปร์ เพราะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติค่อนข้างเยอะ บุตรชายคนเดียวของตระกูล ทิ้งท้ายบทสนทนาว่า ได้ยินพ่อพูดมาตั้งแต่เด็กๆ ว่า เจมาร์ท จะไม่ขายคอมพิวเตอร์ เพราะมาร์จิ้นต่ำมากแค่ 3% ตรงข้ามกับโทรศัพท์มือถือที่มีมาร์จิ้นสูงบนตัวเลขสองหลัก ที่ผ่านมาเจมาร์ทเติบโตมากับแบรนด์ดังๆ อย่างโนเกีย ซัมซุง และโมโตโรล่า ปัจจุบันก็มีหัวเหว่ยเข้ามาเสริมทัพ ฉะนั้นในนอนาคต “โฮลดิ้ง คอมพานี” แห่งนี้ยังคงเน้นการขายโทรศัพท์มือถือเหมือนเดิม แม้การแข่งขันจะดุเดือด แต่เราจะกำจัดความเสี่ยง ด้วยการหันไปเติบโตในธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของ “เจมาร์ท” อาทิ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส, บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท, บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด, บริษัท เจ เวนเจอร์ส และบมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย เป็นต้น  “ผมอยากให้ทุกคนรอดูการเติบโตของกลุ่มเจมาร์ทต่อไป” 1545711937606

คุณเจและเครื่องชงกาแฟราคา 7 แสนบาท

สัปดาห์หน้า เม่าจำไม By Bualuang Securities” จะมาเล่าเรื่องอะไรให้ฟังอีก รอติดตามนะคะ....

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง