... ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  จะมีการประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนี SET50  และ SET100 เพื่อใช้ในช่วงครึ่งปีหลัง ระหว่างวันที่  1 ก.ค. 2560  - 31 ธ.ค. 2560 มาดูกันว่าช่วงเวลาที่จะมีการปรับรายชื่อหลักทรัพย์เข้า - ออก นั้นจะมีผลกระทบอย่างไร และทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญ

ก่อนอื่นเรามารู้หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือกหุ้นกันค่ะ

ดัชนีราคา SET50 Index ดัชนีที่ใช้แสดงระดับราคาหุ้นสามัญ 50 ตัว โดยคัดเลือกกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) และสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุด 50 อันดับแรก ดัชนีราคา SET100 Index ดัชนีที่ใช้แสดงระดับราคาหุ้นสามัญ 100 ตัว โดยคัดเลือกกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) และสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุด 100 อันดับแรก เกณฑ์ในการคัดเลือกของหลักทรัพย์ที่จะอยู่ใน SET50 และ SET100 มีดังนี้ คำนวณแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization Weight) ไม่นำหลักทรัพย์ที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP เกิน 20 วันมารวมในการคำนวณ มีสัดส่วนผู้ถือหลักทรัพย์รายย่อย (Free-float) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว SET50 คำนวณโดยใช้หุ้นสามัญจดทะเบียนที่ผ่านการคัดเลือก 50 อันดับแรก SET100 คำนวณโดยใช้หุ้นสามัญจดทะเบียนที่ผ่านการคัดเลือก 100 อันดับแรก

ดัชนีราคา SET50 Index และ SET100 Index  มีประโยชน์อย่างไร 

• นำไปใช้ในการอ้างอิงสำหรับกองทุนรวมดัชนีทีมีการลงทุนเลียนแบบดัชนีอ้างอิง (ฺBenchmark) เนื่องจากกองทุนประเภทนี้จะเน้นการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี โดยดัชนีอ้างอิงที่มักใช้กันคือ SET50 หรือ SET100 Index นอกจากนี้ ยังนำไปใช้ในการอ้างอิงเพื่อออก DW หรือ Futures Option
• เป็นเครื่องชี้วัดผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนโดยเปรียบเทียบระหว่างดัชนี SET50 , SET100 กับพอร์ตของนักลงทุน

การปรับรายชื่อหุ้น เข้า-ออก มีผลอย่างไร ?

จากในอดีตที่ผ่านมา ราคาของหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้าคำนวณดัชนี SET50  และ SET100 มักจะปรับตัวขึ้นก่อนวันที่เข้าคำนวณจริงจากการเก็งกำไรของนักลงทุน เพราะเมื่อมีการปรับรายชื่อหุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 กองทุนที่มีนโยบายเลียนแบบดัชนี (Index Fund) เช่น TDEX, ESET50 (อ้างอิงกับดัชนี SET50) หรือ TH100 (อ้างอิงกับดัชนี SET100) จะต้องเข้ามาซื้อหุ้นให้ได้ตามน้ำหนักอ้างอิงเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการลงทุน อีกทั้งเพื่อไม่ให้ผลตอบแทนจากกองทุนต่างจากดัชนีอ้างอิงเกินไป ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนสามารถใช้กลยุทธ์เลือกลงทุนตามหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้าคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 และหลีกเลี่ยงหุ้นที่คาดว่าจะถูกปลดออกในระยะสั้น เนื่องจากอาจมีแรงขายหุ้นออกจากพอร์ตของกองทุนนั่นเอง

BLS Research คาดการณ์ถึงการเพิ่มหุ้นเข้าคำนวณ SET50 รอบนี้ไว้ว่าอย่างไรบ้าง ? 

หุ้นคํานวณ SET50 รอบนี้ (ประกาศช่วงกลางเดือน มิย.) มีโอกาสจะขึ้นได้ดีกว่าดัชนีฯ เหมือนกับการศึกษาในอดีต ซึ่งค่าเฉลี่ยผลตอบแทน ช่วง 1-2 สัปดาห์ ก่อนวันประกาศผลอยู่ที่ 4.11% ทั้งนี้ราคาหุ้นแต่ละตัวจะขึ้นมากน้อย ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหนุนรายตัวของหุ้นนั้นๆ ในทางตรงกันข้ามหุ้นที่ถูกคัดออก มีโอกาสที่จะปรับตัวแย่กว่าตลาดถึง 93% ในช่วงวันที่ประกาศ-วันที่เข้าคํานวณจริง

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้ มี 6 บริษัท คือ BJC, EA, MTLS, RATCH, SAWAD และ TISCO (ส่วน JAS เข้าเกณฑ์ทั้ง Market Cap และ ปริมาณการซื้อขาย แต่เรายังไม่แน่ใจเพราะขึ้นอยู่กับเกณฑ์ดุลยพินิจของตลาด)
• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ คือ BA, BCP, PSH, PTG, THAI, TPIPL และ WHA (หมายเหตุ ถ้า JAS ติด PSH จะกลายเป็นหุ้นสํารองทันที)

สําหรับ SET100 จากสถิติพบว่าหุ้นที่ถูกนําเข้าไปคํานวณมีการปรับตัวดีกว่าและแย่กว่าตลาดคละกันไป และไม่มีนัยสําคัญ ในกรอบเวลาต่างๆกัน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่เป็นทางการในการปรับรายชื่อหลักทรัพย์ สำหรับคำนวณดัชนีกลุ่ม SET50 และ SET100 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดว่าจะประกาศออกมาในช่วงกลางเดือน มิถุนายน  .... โปรดติดตามกันต่อ หากมีข้อมูลเพิ่มเติม เราจะมา Update ให้ทราบ