มือใหม่ก็เริ่มได้! ลงทุนสร้างผลตอบแทนง่ายๆ ด้วยพลังของ DCA และ Passive Fund
มือใหม่ก็เริ่มได้! ลงทุนสร้างผลตอบแทนง่ายๆ ด้วยพลังของ DCA และ Passive Fund

มือใหม่ก็เริ่มได้! ลงทุนสร้างผลตอบแทนง่ายๆ ด้วยพลังของ DCA และ Passive Fund

มือใหม่ก็เริ่มได้! ลงทุนสร้างผลตอบแทนง่ายๆ ด้วยพลังของ DCA และ Passive Fund

ยุคที่ใครๆ ก็อยากลงทุน แต่ไม่มีเวลาศึกษาหุ้นรายตัว การลงทุนแบบ Passive และ DCA จึงเป็นตัวเลือกยอดฮิตของสายชิลล์ ที่อยากให้ “เงินทำงานแทนเรา” อยากรู้ว่าหลักการลงทุนทั้ง 2 ดียังไง มาดูกันเลย!

 

การลงทุนแบบ Passive และ Active คืออะไร ต่างกันอย่างไร? 

หากเราแบ่งวิธีการลงทุน โดยวัดที่การบริหารเงินและเป้าหมายในการเอาชนะหรือเดินตามตลาด จะแบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ คือ Active และ Passive 

  • การลงทุนแบบ Active คือการเลือกหุ้นรายตัวและจับจังหวะตลาดเพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนี
  • การลงทุนแบบ Passive คือการลงทุนตามดัชนีโดยไม่เลือกหุ้นเอง มุ่งหวังผลตอบแทนตามตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การลงทุนในดัชนี S&P 500, MSCI World หรือ SET50 เป็นต้น

 

ทำไมการลงทุนแบบ Passive ถึงมีความน่าสนใจในปัจจุบัน

ในอดีต การลงทุนแบบ Active ครองตลาดลงทุน เพราะความเชื่อที่ว่าต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นจึงจะชนะตลาดได้ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อแนวคิด “ลงทุนตามตลาด” หรือการลงทุนแบบ Passive เริ่มเข้ามาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

  • ก่อนปี 1976 – กองทุน Active ครองตลาด นักลงทุนเชื่อว่าต้องมีผู้จัดการกองทุนเลือกหุ้นถึงจะได้ผลตอบแทนดี
  • ปี 1976John Bogle ผู้ก่อตั้ง Vanguard เปิดตัว “กองทุนดัชนีต้นทุนต่ำ” เป็นครั้งแรก ทำให้นักลงทุนเริ่มเข้าถึงการลงทุนง่ายขึ้น ไม่ต้องเลือกหุ้นเองหรือจ่ายค่าธรรมเนียมแพง
  • ปัจจุบัน – มูลค่าทรัพย์สินของกองทุน Passive แซงหน้ากองทุน Active และกว่า 90% ของ Active Fund แพ้ตลาดในระยะยาว แม้แต่คุณปู่ Warren Buffett ยังแนะนำว่า “สำหรับคนทั่วไปแล้ว สิ่งที่ดีที่สุด คือ ลงทุนในกองทุนดัชนี S&P 500”


passive-vs-active.jpg

จากรูปชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันกองทุนที่บริหารจัดการแบบ passive มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสูงกว่าแบบ active ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา


DCA คืออะไร? ทำไมใครๆ ก็พูดถึง

Dollar-Cost Averaging (DCA) หรือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน คือการลงทุนอย่างต่อเนื่องในจำนวนเงินที่เท่ากัน โดยไม่คำนึงถึงราคาของหลักทรัพย์ในเวลานั้นๆ ช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องคอยเฝ้าหน้าจอจับจังหวะซื้อขาย ทั้งยังสร้างโอกาสถัวเฉลี่ยต้นทุนในระยะยาว 


หลกการ-DCA-3-ขอ.jpg


3 ข้อดีของ DCA
  • สร้างวินัยการออม อย่างสม่ำเสมอ
  • ช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุนตามเวลา เพิ่มโอกาสลดต้นทุน
  • เพิ่มโอกาสให้เงินเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยพลังของเวลาและดอกเบี้ยทบต้น 

ดังนั้น ยิ่งเริ่ม DCA เร็ว ยิ่งได้เปรียบ เพราะ “เวลา” คือทรัพย์สินที่ประเมินค่าไม่ได้

 

ก่อนเริ่ม DCA ควรรู้อะไรบ้าง?
  • เป้าหมายของตัวเอง ว่าลงทุนเพื่ออะไร เช่น ออม, เกษียณ, ซื้อบ้าน
  • นโยบายและกฎ กติกา ของประเทศที่เข้าไปลงทุน เพราะ DCA คือการฝากเงินไว้กับอนาคตของประเทศนั้น
  • แนวโน้มเติบโตของหลักทรัพย์ เช่น การพิจารณาจากจำนวนประชากร (Population) หรือ นวัตกรรม(Innovation) ของประเทศนั้นๆ 


3-ขอกอนเรม-DCA.jpg


DCA ทุกวัน vs. ทุกเดือน แบบไหนดีกว่า?

การ DCA รายวัน และ รายเดือน มีข้อดี-เสีย แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดหุ้นในช่วงนั้นๆ โดย

  • ตลาดขาขึ้นชัดเจน → DCA รายเดือน ทำให้เงินเริ่มทำงานเร็ว ขยายพลังของดอกเบี้ยทบต้นให้มากขึ้น
  • ตลาดผันผวน/ขาลง → DCA รายวัน ช่วยกระจายความเสี่ยง ลดโอกาสซื้อหุ้นแพง

อย่างไรก็ตามในโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่คาดฝันมากมาย การ DCA ทุกวัน จะได้เปรียบกว่า เพราะช่วยกระจายความเสี่ยง และไม่ต้องกังวลว่าลงทุนแล้วจะเจอตลาดปรับตัวลงพอดี 

DCA-FUE.jpg 

จากรูปจะเห็นว่า หากลงทุนเงินก้อนใน DR FUEVFVND01 ช่วง ก.ค. 2022 อาจได้ต้นทุนสูงถึง 43 บาท/หุ้น และต้องรอราคาหุ้นฟื้นเกือบ 1 ปี แต่ถ้าใช้วิธี DCA รายวันผ่าน DCAMIX จะช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุนลงมาเหลือเพียง 39.10 บาท/หุ้น ลดความเสี่ยงจากการเข้าซื้อจังหวะไม่ดี เพราะค่อยๆ ทยอยใส่เงินทีละน้อย


DCA ก็มีความเสี่ยงเหมือนกันนะ
  • ถ้าเลือกผิดประเทศ เช่น ดัชนีที่ไม่โตเลย 10 ปี
  • ถ้าไม่มีวินัย หยุดกลางทางตอนตลาดตก
  • ถ้ากระจายการลงทุนไม่ดี ลงทุนแต่ตลาดเดียว

การ DCA จึงไม่ใช่สูตรรวยลัด แต่เป็นเครื่องมือการออม/ลงทุนที่ใช้ได้ผลดี ถ้ามีวินัย + กลยุทธ์ลงทุนที่ดี

 

ตัวช่วยออมหุ้นอัตโนมัติ ให้เงินทำงานแทนคุณกับ DCAMIX

พร้อมให้บริการแล้ว! กับการออมหุ้นอัตโนมัติ DCAMIX ที่คุณเลือกได้ตามสไตล์ ทั้งแบบลงทุนอัตโนมัติ มีผู้เชี่ยวชาญคัดเลือกหลักทรัพย์ให้ หรือ เลือกปรับสัดส่วนเองผ่านการ DCA รายวันทั้งใน DR และ/หรือ ETF ที่นักลงทุนสนใจมากกว่า 10 หลักทรัพย์ ช่วยให้กระจายการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพทุกวัน  รู้จัก DCAMIX เพิ่มเติมคลิก

DCAMIX-Promo2025.jpg

 

3 จุดเด่น DCAMIX 
  • ออมหุ้นง่าย ไม่ต้องเลือกหุ้นเองลงทุนอัตโนมัติหรือปรับสัดส่วนเองได้ทั้ง ETF/DR มากกว่า 10 หลักทรัพย์ 
  • ลงทุนสม่ำเสมอ ไม่ต้องจับจังหวะ: DCA Everyday กระจายลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพทุกวัน ด้วย DCAMIX
  • ต่อยอดความมั่งคั่ง ไม่ต้องใช้เงินมาก: เปลี่ยนเงินก้อนเล็กเป็นเงินก้อนโต ด้วยพลังจาก “ดอกเบี้ยทบต้น” สร้างความมั่งคั่งแบบทวีคูณ

 

สนใจสมัครกลยุทธ์ DCAMIX ต้องทำอย่างไร

สำหรับลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวง สามารถติดต่อได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่าน หรือสมัครบริการด้วยตนเองได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เริ่มต้นเดือนละ 5,000 บาท 

 

พิเศษ! ยกเว้นค่าธรรมเนียมราย 2 ปี มูลค่า 1,070 บาท เมี่อสมัครและเลือกชำระเงินผ่านบัญชีหุ้น (ถอนหลักประกัน) และเลือกช่องทางชำระเงินแบบถอนหลักประกันที่มีการตัดเงินรอบแรกตั้งแต่วันนี้ – 16 ธ.ค. 68 เท่านั้น อ่านเพิ่มเติมคลิก

 

 register-WC.png

หลังจากดำเนินการสมัครแล้ว ท่านจะได้รับผลอนุมัติทางอีเมล และสามารถติดตามผลการดำเนินงานพอร์ตการลงทุนของท่านง่าย ๆ ได้ทุกวันผ่าน Streaming หรือ Bualuang iTracker

 

เปิดบัญชีหุ้นออนไลน์ อนุมัติไว ง่าย ๆ ผ่านแอป Wealth Connex

download-wealth-connex-ios.png download-wealth-connex-android_1.png

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง