
ยุคที่ใครๆ ก็อยากลงทุน แต่ไม่มีเวลาศึกษาหุ้นรายตัว การลงทุนแบบ Passive และ DCA จึงเป็นตัวเลือกยอดฮิตของสายชิลล์ ที่อยากให้ “เงินทำงานแทนเรา” อยากรู้ว่าหลักการลงทุนทั้ง 2 ดียังไง มาดูกันเลย!
การลงทุนแบบ Passive และ Active คืออะไร ต่างกันอย่างไร?
หากเราแบ่งวิธีการลงทุน โดยวัดที่การบริหารเงินและเป้าหมายในการเอาชนะหรือเดินตามตลาด จะแบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ คือ Active และ Passive
- การลงทุนแบบ Active คือการเลือกหุ้นรายตัวและจับจังหวะตลาดเพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนี
- การลงทุนแบบ Passive คือการลงทุนตามดัชนีโดยไม่เลือกหุ้นเอง มุ่งหวังผลตอบแทนตามตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การลงทุนในดัชนี S&P 500, MSCI World หรือ SET50 เป็นต้น
ทำไมการลงทุนแบบ Passive ถึงมีความน่าสนใจในปัจจุบัน
ในอดีต การลงทุนแบบ Active ครองตลาดลงทุน เพราะความเชื่อที่ว่าต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นจึงจะชนะตลาดได้ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อแนวคิด “ลงทุนตามตลาด” หรือการลงทุนแบบ Passive เริ่มเข้ามาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
- ก่อนปี 1976 – กองทุน Active ครองตลาด นักลงทุนเชื่อว่าต้องมีผู้จัดการกองทุนเลือกหุ้นถึงจะได้ผลตอบแทนดี
- ปี 1976 – John Bogle ผู้ก่อตั้ง Vanguard เปิดตัว “กองทุนดัชนีต้นทุนต่ำ” เป็นครั้งแรก ทำให้นักลงทุนเริ่มเข้าถึงการลงทุนง่ายขึ้น ไม่ต้องเลือกหุ้นเองหรือจ่ายค่าธรรมเนียมแพง
- ปัจจุบัน – มูลค่าทรัพย์สินของกองทุน Passive แซงหน้ากองทุน Active และกว่า 90% ของ Active Fund แพ้ตลาดในระยะยาว แม้แต่คุณปู่ Warren Buffett ยังแนะนำว่า “สำหรับคนทั่วไปแล้ว สิ่งที่ดีที่สุด คือ ลงทุนในกองทุนดัชนี S&P 500”
จากรูปชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันกองทุนที่บริหารจัดการแบบ passive มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสูงกว่าแบบ active ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา
DCA คืออะไร? ทำไมใครๆ ก็พูดถึง
Dollar-Cost Averaging (DCA) หรือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน คือการลงทุนอย่างต่อเนื่องในจำนวนเงินที่เท่ากัน โดยไม่คำนึงถึงราคาของหลักทรัพย์ในเวลานั้นๆ ช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องคอยเฝ้าหน้าจอจับจังหวะซื้อขาย ทั้งยังสร้างโอกาสถัวเฉลี่ยต้นทุนในระยะยาว
3 ข้อดีของ DCA
- สร้างวินัยการออม อย่างสม่ำเสมอ
- ช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุนตามเวลา เพิ่มโอกาสลดต้นทุน
- เพิ่มโอกาสให้เงินเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยพลังของเวลาและดอกเบี้ยทบต้น
ดังนั้น ยิ่งเริ่ม DCA เร็ว ยิ่งได้เปรียบ เพราะ “เวลา” คือทรัพย์สินที่ประเมินค่าไม่ได้
ก่อนเริ่ม DCA ควรรู้อะไรบ้าง?
- เป้าหมายของตัวเอง ว่าลงทุนเพื่ออะไร เช่น ออม, เกษียณ, ซื้อบ้าน
- นโยบายและกฎ กติกา ของประเทศที่เข้าไปลงทุน เพราะ DCA คือการฝากเงินไว้กับอนาคตของประเทศนั้น
- แนวโน้มเติบโตของหลักทรัพย์ เช่น การพิจารณาจากจำนวนประชากร (Population) หรือ นวัตกรรม(Innovation) ของประเทศนั้นๆ
DCA ทุกวัน vs. ทุกเดือน แบบไหนดีกว่า?
การ DCA รายวัน และ รายเดือน มีข้อดี-เสีย แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดหุ้นในช่วงนั้นๆ โดย
- ตลาดขาขึ้นชัดเจน → DCA รายเดือน ทำให้เงินเริ่มทำงานเร็ว ขยายพลังของดอกเบี้ยทบต้นให้มากขึ้น
- ตลาดผันผวน/ขาลง → DCA รายวัน ช่วยกระจายความเสี่ยง ลดโอกาสซื้อหุ้นแพง
อย่างไรก็ตามในโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่คาดฝันมากมาย การ DCA ทุกวัน จะได้เปรียบกว่า เพราะช่วยกระจายความเสี่ยง และไม่ต้องกังวลว่าลงทุนแล้วจะเจอตลาดปรับตัวลงพอดี
จากรูปจะเห็นว่า หากลงทุนเงินก้อนใน DR FUEVFVND01 ช่วง ก.ค. 2022 อาจได้ต้นทุนสูงถึง 43 บาท/หุ้น และต้องรอราคาหุ้นฟื้นเกือบ 1 ปี แต่ถ้าใช้วิธี DCA รายวันผ่าน DCAMIX จะช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุนลงมาเหลือเพียง 39.10 บาท/หุ้น ลดความเสี่ยงจากการเข้าซื้อจังหวะไม่ดี เพราะค่อยๆ ทยอยใส่เงินทีละน้อย
DCA ก็มีความเสี่ยงเหมือนกันนะ
- ถ้าเลือกผิดประเทศ เช่น ดัชนีที่ไม่โตเลย 10 ปี
- ถ้าไม่มีวินัย หยุดกลางทางตอนตลาดตก
- ถ้ากระจายการลงทุนไม่ดี ลงทุนแต่ตลาดเดียว
การ DCA จึงไม่ใช่สูตรรวยลัด แต่เป็นเครื่องมือการออม/ลงทุนที่ใช้ได้ผลดี ถ้ามีวินัย + กลยุทธ์ลงทุนที่ดี
ตัวช่วยออมหุ้นอัตโนมัติ ให้เงินทำงานแทนคุณกับ DCAMIX
พร้อมให้บริการแล้ว! กับการออมหุ้นอัตโนมัติ DCAMIX ที่คุณเลือกได้ตามสไตล์ ทั้งแบบลงทุนอัตโนมัติ มีผู้เชี่ยวชาญคัดเลือกหลักทรัพย์ให้ หรือ เลือกปรับสัดส่วนเองผ่านการ DCA รายวันทั้งใน DR และ/หรือ ETF ที่นักลงทุนสนใจมากกว่า 10 หลักทรัพย์ ช่วยให้กระจายการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพทุกวัน รู้จัก DCAMIX เพิ่มเติมคลิก
3 จุดเด่น DCAMIX
- ออมหุ้นง่าย ไม่ต้องเลือกหุ้นเอง: ลงทุนอัตโนมัติหรือปรับสัดส่วนเองได้ทั้ง ETF/DR มากกว่า 10 หลักทรัพย์
- ลงทุนสม่ำเสมอ ไม่ต้องจับจังหวะ: DCA Everyday กระจายลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพทุกวัน ด้วย DCAMIX
- ต่อยอดความมั่งคั่ง ไม่ต้องใช้เงินมาก: เปลี่ยนเงินก้อนเล็กเป็นเงินก้อนโต ด้วยพลังจาก “ดอกเบี้ยทบต้น” สร้างความมั่งคั่งแบบทวีคูณ
สนใจสมัครกลยุทธ์ DCAMIX ต้องทำอย่างไร
สำหรับลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวง สามารถติดต่อได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่าน หรือสมัครบริการด้วยตนเองได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เริ่มต้นเดือนละ 5,000 บาท
พิเศษ! ยกเว้นค่าธรรมเนียมราย 2 ปี มูลค่า 1,070 บาท เมี่อสมัครและเลือกชำระเงินผ่านบัญชีหุ้น (ถอนหลักประกัน) และเลือกช่องทางชำระเงินแบบถอนหลักประกันที่มีการตัดเงินรอบแรกตั้งแต่วันนี้ – 16 ธ.ค. 68 เท่านั้น อ่านเพิ่มเติมคลิก
- สมัครออมหุ้นอัตโนมัติ DCAMIX ได้ ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่
- แอป Wealth Connex บน App Store (สำหรับ iOS คลิกที่นี่) และ Google Play (สำหรับ Android คลิกที่นี่) เมนู Solution > ออมหุ้นอัตโนมัติ
- เว็บไซต์ www.bualuang.co.th เมนู Auto Investing > ออมหุ้นอัตโนมัติ
- แอป Streaming เมนู BLS > Auto Investing > ออมหุ้นอัตโนมัติ
- แอป Wealth Connex บน App Store (สำหรับ iOS คลิกที่นี่) และ Google Play (สำหรับ Android คลิกที่นี่) เมนู Solution > ออมหุ้นอัตโนมัติ
หลังจากดำเนินการสมัครแล้ว ท่านจะได้รับผลอนุมัติทางอีเมล และสามารถติดตามผลการดำเนินงานพอร์ตการลงทุนของท่านง่าย ๆ ได้ทุกวันผ่าน Streaming หรือ Bualuang iTracker