
Auto
By BLS Private Fund
ถ้าจะพูดถึงตลาดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในวันนี้ (ที่มาข้อมูล The World's 10 Largest Stock Markets, in One Chart (visualcapitalist.com) ณ เดือนเมษายน 2020) คือตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา (46%) ตามด้วยตลาดหุ้นจีน (14.4%) และ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น (6%) ตามลำดับ
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่ดึงดูดนักลงทุนและบริษัทชั้นนำทั่วโลก ที่มีเป้าหมายในการลงทุนบริษัทขนาดใหญ่ หรือบริษัทชั้นนำที่ตั้งอยู่นอกอเมริกาที่ต้องการระดมทุน ต่างมาจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างเช่น TSMC (ประเทศไต้หวัน), NVS (ประเทศสวิสเซอร์แลนด์), SAP (ประเทศเยอรมัน), และ Toyota Motor (ประเทศญี่ปุ่น) เป็นต้น

ตารางแสดงดัชนีตลาดหุ้น10อันดับแรกตามมูลค่า และ ตารางแสดงมูลค่า 10 หลักทรัพย์จากต่างประเทศที่มาจดทะเบียนในตลาดอเมริกา (ที่มาข้อมูล https://www.tradinghours.com/markets ณ เดือนกันยายน 2022)
ซึ่งหลังการเกิดวิกฤตซับไพรม์ (Subprime Crisis) ในปี 2008 ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวลดลง แต่เมื่อเศรษฐกิจพื้นตัวขึ้นมา ตลาดหุ้นส่วนใหญ่มักจะสามารถกลับขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ได้ โดยจะเห็นว่าดัชนี S&P 500 มีการเติบโตตั้งแต่ปี 2009 ถึง 2021 ถึง 313.8%
หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย ถึง 22.41% ต่อปี ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นไทยในช่วงเดียวกัน ที่มีการเติบโต 18.84% ต่อปี และเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ จะเห็นว่าการเติบโตของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา มีการเติบโตที่มากกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา
เนื่องจากปัจจัยจากเงินลงทุนทั่วโลกต่างมาลงทุนที่ตลาดแห่งนี้ ประกอบกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดแห่งนี้มีหุ้นชั้นนำระดับโลกที่ ไม่ได้เป็นแค่บริษัทที่ทำธุรกิจอยู่แค่สหรัฐอเมริกา แต่เป็นผู้ผลิตของผลิตภัณฑ์และบริการที่มีประชากรบริโภคกันทั่วโลก เช่น Apple, Microsoft, Alphabet (Google), Amazon.com, Tesla, Johnson & Johnson, ExxonMobil, Nike, Coca-Cola, PepsiCo Inc., P&G, Pfizer, Starbucks, Intel Corp, Visa, Walt Disney ,Netflix, Meta Platforms Inc (Facebook), etc.
แม้จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจขนาดไหน บริษัทเหล่านี้ยังคงสามารถดำเนินงานและทำกำไร จากการบริโภคจากประชากรทั้งโลกได้ ซึ่งบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกแบบนี้ อาจจะไม่ได้มีมากบริษัท หากจะมีก็เฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
ดังนั้นจึงทำให้เห็นว่า แม้ในอนาคตเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่สภาวะวิกฤตอีกกี่ครั้ง แต่จะยังคงมีนักลงทุนบุคคล นักลงทุนสถาบัน บริษัทประกันชีวิต กองทุนบำเหน็จบำนาญ กองทุนรวมต่างๆทั่วโลก และรวมถึงนักลงทุนไทย ต่างก็เข้ามาลงทุนที่ตลาดแห่งนี้เพื่อแสวงหาโอกาสในการลงทุน และกระจายการลงทุน เพื่อคาดหวังการเติบโตไปตามสภาวะเศรษฐกิจโลก หรือเพิ่มโอกาสทางเลือกการลงทุนที่มากกว่าการลงทุนในประเทศของตนเอง
แต่อย่างไรก็ดี นักลงทุนบุคคลไทยหลายท่าน แม้จะอยากลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา แต่ยังอาจติดข้อจำกัดต่างๆอันได้แก่ การเข้าถึงข้อมูลการลงทุน การเฝ้าติดตามสภาวะตลาดการลงทุน หรือ การส่งคำสั่งซื้อขาย เนื่องจากความแตกต่าง ทางด้านเวลา และภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร ซึ่งทำให้นักลงทุนหลายท่าน มองหาการลงทุนทางเลือกอื่น ผ่านกองทุนรวม หรือกองทุนส่วนบุคคลทั้งนี้ หลักทรัพย์บัวหลวง จึงได้นำ ผลิตภัณฑ์การลงทุน BLS Private Fund (กองทุนส่วนบุคคล) มาบริหารจัดการให้กับผู้ลงทุนที่ประสงค์จะลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ด้วย Global Private Fund US 001 โดยกลยุทธ์จะมุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี S&P500 ซึ่งจะมีเกณฑ์ คัดเลือกหุ้น จากคุณภาพผลประกอบการและมีมูลค่าราคาที่เหมาะสมในการลงทุน โดยจะอ้างอิงหลักการลงทุนจากรายงาน Global Stocks Model Portfolio ของทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากส่วนธุรกิจหลักทรัพย์ต่างประเทศ ของบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง และเน้นเจาะจงไปที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งหลักการลงทุนดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาจากผู้จัดการกองทุนที่ได้รับอนุญาตของบริษัท

เปรียบเทียบดัชนีตลาดหลักทรัพย์หลักทั่วโลก ตั้งแต่ 01/01/2009 ถึง 19/09/2022
นโยบายการลงทุนของกองทุนส่วนบุคคล US 001
- ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่อยู่ใน Universe ของทีม BLS Global Investing และเป็นหุ้นที่อยู่ในดัชนี S&P 500
- ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ จำนวนไม่เกิน 15 ตัว แบบถ่วงน้ำหนักเท่ากัน (Equal-weighted)
- กระจายการลงทุนอย่างน้อย 4 อุตสาหกรรม แบ่งตาม Global Industry Classification Standard (GICS)
- เปรียบเทียบผลตอบแทนกับ S&P 500 Total Return Index โดยคาดหวังผลตอบแทนทีดีกว่าดัชนี S&P500 ในระยะยาว
- เงินปันผลที่ได้รับ จะถูกโอนเข้าบัญชีหุ้นต่างประเทศและนำไปลงทุนต่อโดยอัตโนมัติ
- ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลียนสกุลเงิน
ผลตอบแทนย้อนหลังกองทุนส่วนบุคคล US 001

หมายเหตุ:ผลตอบแทนจากพอร์ตการลงทุนในหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกาข้างต้น คัดมาจากรายงาน Global Stocks Model Portfolio เพื่อเป็นตัวอย่างสําหรับการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาที่บริษัทจัดการนําเสนอให้แก่ลูกค้าโดยมีหลักการในการลงทุนในภาพรวม คล้ายคลึงกับ BLS US Quality Stock Strategy ทั้งนี้ผลตอบแทนจากการลงทุนในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนจากการลงทุนในอนาคตผ้ลูงทุนควรทําความเข้าใจลักษณะสินค้า เงือนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
กองทุนส่วนบุคคลนี้เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับผุ้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวตั้งแต่ 1ปีขึ้นไป และ คาดหวังผลตอบแทนที่มากกว่า ดัชนี S&P 500 และรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง
สรุปข้อแตกต่างระหว่างกองทุน US 001 และกองทุนอื่นๆ

ทำไมต้อง Global Private Fund: BLS US Quality Stock (US 001)
- เกาะติดตลาดไม่พลาดทุกจังหวะการลงทุน เสมือนมีทีมงานผู้เชียวชาญบริหารพอรต์ให้ในทุกๆวัน และส่งคำสั่งด้วยระบบอัตโนมัติ
- โฟกัสหุ้นคุณภาพ และกระจายหุ้นอย่างเหมาะสม อย่างน้อย 4 อุตสาหกรรม และมีการ Rebalance ในทุกไตรมาส
- ค่าธรรมเนียมโดยรวมถูกกว่ากองทุนรวมหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ และ ถูกกว่ากองทุนส่วนบุคคลทั่วไป รวมถึงเงินลงทุนเริ่มต้นขั้นต่ำน้อยกว่ากองทุนส่วนบุคคลทั่วไป
- ติดตามได้ง่ายและตรวจสอบพอร์ตการลงทุนได้ในทุกวัน
จำนวนเงินลงทุนเริ่มต้น: 1,000,000 บาท หรือ 30,000 USD
ท่านสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนหรือ BLS Customer Service
โทรศัพท์ 0-2618-1111 หรือ Email : customerservice@bualuang.co.th
โทรศัพท์ 0-2618-1111 หรือ Email : customerservice@bualuang.co.th