หนึ่งในความสามารถของเครื่องมือนี้ที่นักลงทุนชอบใช้มากที่สุด คือการดูสภาวะที่มีการ "ซื้อมากเกินไป" (Overbought) หรือ "ขายมากเกินไป" (Oversold).. เพื่อนำมาใช้เป็นสัญญาณในการซื้อขาย.. เรามักได้ยินหรือถูกสอนมาว่า ถ้า RSI เกิน 70 แปลว่า Overbought.. คือมีผู้ซื้อมากเกินไป ราคาแพงไปแล้ว ให้ทำการขายหุ้น.. แต่ถ้า RSI ลงไปแตะ 30 แปลว่า Oversold คือให้ซื้อหุ้นได้แล้ว เพราะหุ้นถูกขายออกมามากไปจนราคาถูกแล้ว... ซึ่งถ้าดูแค่นี้ และนำมาเป็นสัญญาณหลักในการซื้อขาย บอกเลยว่าใช้แล้วโอกาสขาดทุนสูงมาก..!! อยากรู้ข้อเท็จจริงก็ดูตัวอย่างจริงกันเลยดีกว่า.. จากกราฟซ้ายมือเราจะเห็นว่า RSI ของหุ้นตัวนี้วิ่งเกิน 70 หลายหน.. แต่ถึงจะ Overbought หุ้นก็ไม่ลง และยังสามารถกลับขึ้นไปทำจุดสูงใหม่อย่างต่อเนื่อง... คนที่ขายหุ้นตอนเห็น Overbought ครั้งแรก ก็จะได้ขายตอน 20 บาท.. ขายปุ้บหุ้นวิ่งขึ้นไปเกินเท่าตัว.. เห็นแล้วยัง ถ้าดูแค่นี้ "ขายหมู" แน่นอน..!! มาดูกราฟขวากันบ้าง... หุ้นตัวนี้ทำการปรับตัวลงมาแรง และ RSI ต่ำกว่า 30 ตอนประมาณ 24 บาท... ใครที่คิดว่าถูกแล้วรีบกระโดดเข้าไปซื้อ งานนี้มีหนาวแน่นอน เพราะหุ้นหักหัวลงต่อ Oversold แล้ว Oversold อีก... กว่าจะลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 18 บาทกว่า.. คนที่ซื้อเมื่อเห็น Oversold ครั้งแรกจึงมีโอกาส "ติดดอย" สูง..!! นี่แหละ.. กับดักที่อันตรายของ RSI... หุ้นที่คิดว่าแพงแล้ว สามารถแพงอีกได้.. ส่วนหุ้นที่คิดว่าถูกแล้ว ก็ลงไปถูกกว่าเดิมได้เช่นกัน.. การที่หุ้น Overbought/Oversold ไม่ได้แปลว่าจะต้องเปลี่ยนทิศทันที แต่อาจหมายถึงการเด้งในระยะสั้นเท่านั้น.. การใช้ RSI ที่เหมาะสมควรใช้เป็นสัญญาณเตือนให้เฝ้าระวังมากขึ้น ไม่ควรใช้ในการตัดสินใจซื้อขาย..!! ถ้าจะใช้เครื่องมือนี้ เราต้องเข้าใจถึงธรรมชาติของมัน เพราะ RSI จะมีความแม่นยำต่ำถ้าหุ้นกำลังอยู่ในช่วงแนวโน้มแข็งแกร่ง แต่จะแม่นยำกว่าในหุ้นที่เป็น Sideway... แล้วทำยังไงดี? ก็ใช้เครื่องมืออื่นมาช่วยประกอบการตัดสินใจสิ..!! ใบ้ให้.. ลองใช้เส้นค่าเฉลี่ยมาช่วยดู...!! การใช้เครื่องมือแบบ "ฟังเขามา" ไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว..!! เครื่องมือทุกอันมีทั้งข้อดีและข้อจำกัดเสมอ... เราจึงต้องศึกษาให้เข้าใจถึงการทำงานของมันจริงๆ.. อยากรู้เพิ่มเติมก็มาเรียนรู้กับเรา เปิดบัญชีได้ที่ - http://goo.gl/mduUPe