
อยากได้หุ้น IPO ต้องทำยังไง ?
ต้องเทรดขนาดไหน…ถึงจะได้หุ้น IPO ?
นี่เป็นคำถามที่หลายๆคนต้องเคยถาม…แต่รู้ไหมคะว่ามีอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เรามีสิทธิจองซื้อหุ้น IPO โดยไม่ต้องเทรดเยอะ นั่นคือการซื้อหุ้นที่จะนำบริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมได้รับสิทธิในการจองซื้อหุ้น IPO บริษัทลูกตามอัตราส่วนที่กำหนดไว้โดยอัตโนมัติ แต่ไม่ใช่ว่าสุ่มสี่สุ่มห้าไปซื้อแล้วจะได้สิทธิเลยนะคะ ต้องซื้อก่อนวันที่จะขึ้นเครื่องหมาย XB ถึงจะได้รับสิทธิค่ะ
เครื่องหมาย XB คืออะไร ?
เครื่องหมาย XB (Excluding Other Benefits) เป็นการแจ้งว่าผู้ลงทุนที่ซื้อหลักทรัพย์ในช่วงที่ขึ้นเครื่องหมาย XB จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆดังนี้
- สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไป (Public Offering) จะพบเห็นได้บ่อยๆ คือการนำบริษัทลูกมาจดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ และให้สิทธิผู้ที่ถือหุ้นบริษัทแม่จองซื้อหุ้น IPO ของบริษัทลูกตามสัดส่วนและราคาที่กำหนด ยกตัวอย่างเช่น หุ้น WHA ซึ่งนำบริษัทลูก WHAUP เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยให้สิทธิผู้ถือหุ้น WHA จองซื้อหุ้น WHAUP ได้ในสัดส่วน WHA 250 หุ้น : WHAUP 1 หุ้น ที่ราคา IPO คือ 26.25 บาท
- สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมในการจองซื้อหุ้นบุริมสิทธิ
- สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ
- สิทธิจองซื้อหุ้นใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) และใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ (Transferable Subscription Rights : TSR) ของบริษัทในเครือ ในที่นี้จะไม่ได้ให้สิทธิในการจองซื้อ warrant หรือ TSR ของบริษัทแม่โดยตรง แต่ให้สิทธิในการจองซื้อ warrant หรือ TSR ของบริษัทลูก (สามารถอ่านรายละเอียดของ TSR ได้ที่นี่)
ทำอย่างไรถ้าอยากได้สิทธิ ?
ก็เหมือนสิทธิอื่นๆค่ะ หากอยากได้รับสิทธิก็จะต้องซื้อหุ้นก่อนวันที่จะขึ้นเครื่องหมาย XB และถือจนถึงวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XB จึงจะได้รับสิทธิ ยกตัวอย่างเช่นหุ้นที่เพิ่งขึ้นเครื่องหมาย XB ไปวันนี้ (16/06/2560) คือหุ้น BRR ซึ่งเป็นสิทธิในการจองซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทในเครือ ในที่นี้คือสิทธิในการจองซื้อกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ (BRRGIF) ในอัตราส่วน 17.8484 หุ้น BRR : 1 หน่วยลงทุนของ BRRGIF ซึ่งเมื่อได้รับสิทธิแล้วสิ่งที่ต้องทำต่อมาคือรอรับเอกสารใบจองซื้อ ชำระเงินค่าจองและส่งเอกสารภายในระยะเวลาที่กำหนด จากนั้นก็รอหุ้นใหม่เข้าพอร์ตและเริ่มซื้อขายค่ะ
แต่ที่อยากเตือนคือไม่ใช่ว่าหุ้น IPO จะต้องดีเสมอไป สิ่งที่นักลงทุนควรพิจารณาก็คือ ปัจจัยพื้นฐาน อนาคตของกิจการบริษัท ความโปร่งใส และวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ในการพิจารณาเบื้องต้น ความยากของการวิเคราะห์หุ้น IPO ก็คือ ไม่มีราคาย้อนหลังให้ดูแนวโน้มราคาหรือสัญญาณทางเทคนิค จึงต้องอาศัยความมั่นใจที่สูงมากหรืออาศัยการวัดดวงที่เสี่ยงกว่าปกติในการพิจารณาลงทุนนะคะ
โนโลกการลงทุนอยากให้ใช้สติหันกลับมามองตามความเป็นจริงกันก่อนว่า “ของฟรี ไม่มีในโลก” และ “ของง่าย ไม่มีในตลาดหุ้น”