RSI คืออะไร? วิเคราะห์แนวโน้มหุ้นขาขึ้นหรือขาลงได้อย่างไร

แนะนำ

FAQ

RSI คืออะไร? วิเคราะห์แนวโน้มหุ้นขาขึ้นหรือขาลงได้อย่างไร

การวิเคราะห์กราฟหุ้นของนักลงทุนสายเทคนิคจำเป็นต้องใช้เครื่องมือช่วย เนื่องจากวิธีสายเทคนิคจะสนใจราคา ซึ่งแน่นอนว่าราคานั้นสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา จึงเป็นเรื่องยากที่จะติดตามราคาด้วยตนเองโดยปราศจากตัวช่วยในการดูพฤติกรรมของราคา อีกทั้งวิธีการวิเคราะห์ที่นักลงสายเทคนิคใช้มีหลากหลายรูปแบบ สามารถอ่านการวิเคราะห์กราฟให้รูปแบบต่าง ๆ ได้ที่ วิเคราะห์กราฟหุ้นแบบนักลงทุนสายเทคนิค โดยในวันนี้เราจะมาแนะนำหนึ่งในวิธีการวิเคราะห์กราฟด้วย RSI เพื่อเป็นตัวช่วยให้นักลงทุนเข้าลงทุนได้ตรงตามเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

RSI คืออะไร?

RSI หรือ Relative Strength Index คือ เครื่องมือที่บ่งบอกสัญญาณแนวโน้มขาขึ้น (bullish) และขาลง (bearish) ของราคา
RSI ได้รับการพัฒนามาจาก Indicator ที่มีชื่อว่า Momentum ซึ่งใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อวัดขนาดการเปลี่ยนแปลงของราคาล่าสุด และประเมินสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) ในราคาหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ โดยจะแสดงเป็นกราฟเส้นที่สามารถอ่านค่าได้ตั้งแต่ 0 – 100

การคำนวณ RSI

การคำนวณ-RSI_1.png

Average gain คือ ค่าเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่เป็นบวกย้อนหลัง 14 แท่งเทียน
Average loss คือ ค่าเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนที่เป็นลบย้อนหลัง 14 แท่งเทียน

หมายเหตุ: ส่วนใหญ่การคำนวณจะนิยมใช้ช่วง 14 แท่งเทียน แต่นักลงทุนสามารถกำหนดจำนวนแท่งเทียนที่ใช้ในการคำนวณได้ ขึ้นอยู่กับสไตล์ของนักลงทุนแต่ละท่าน ตัวอย่างเช่น ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา มูลค่าตลาดหุ้น ณ เวลาปิดสูงกว่าตอนเปิดตลาด (ปิดบวก) ทั้งหมด 7 วัน และมีผลตอบแทนเฉลี่ย 1% ส่วน 7 วันที่เหลือ มูลค่าตลาดหุ้น ณ เวลาปิดต่ำกว่าตอนเปิดตลาด (ปิดลบ) เฉลี่ยอยู่ที่ – 0.8%

วิธีการอ่านค่า

เมื่อ RSI < 30 ราคาหุ้นจะถูกลง เนื่องจากมีสภาวะขายมากเกินไป (Oversold) นักลงทุนสามารถพิจารณาหาจังหวะในการเข้าซื้อได้
หาก RSI > 70 ราคาหุ้นจะแพงขึ้น เนื่องจากมีสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) นักลงทุนสามารถใช้เป็นจังหวะในการขายได้

ตัวอย่างการใช้งานจริง

กรณีเกิด Oversold (RSI < 30 ) / Overbought (RSI > 70)

rsi คือ อะไร

จากรูปจะเห็นได้ว่า ในช่วงแรกกราฟหุ้นวิ่งลงสู่ระดับราคา 7.40 บาท และในขณะเดียวกันเส้น RSI อยู่ในสภาวะ Oversold ราคาหุ้นในช่วงนี้จะถูกลง เนื่องจากมีการเทขายหุ้นเป็นจำนวนมาก นักลงทุนพิจารณาจุดนี้เป็นจังหวะเข้าซื้อได้ หลังจากนั้นกราฟหุ้นวิ่งขึ้นสู่ระดับราคา 8.85 บาท เส้น RSI จะอยู่ในช่วง Overbought จากการแห่เข้าซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้น นักลงทุนสามารถพิจารณาเป็นจังหวะขายออกได้

หาก RSI อยู่บริเวณเส้น 50 กราฟจะเป็นอย่างไร

จากรูปต่อไปนี้จะเห็นได้ว่า การที่เส้น RSI อยู่ใกล้กับระดับเส้น 50 แทนที่จะเป็นเส้น 70 หรือ 30 จะทำให้กราฟราคาอยู่ในลักษณะ Sideway

Tips : RSI จะน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น เมื่อเกิด RSI Divergences .. ดูอย่างไร

RSI Divergences เกิดจากรูปแบบของกราฟราคาที่สวนทางกันกับเส้น RSI ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงการกลับตัวของราคาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะการเกิด Overbought/Oversold ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าจะมีการกลับตัวของราคาเกิดขึ้นจริงในอนาคต นักลงทุนควรใช้สัญญาณ Divergences ประกอบการพิจารณาเพื่อลดความผิดพลาด โดยจะมี 2 ลักษณะ คือ Bullish Divergence และ Bearish Divergence

Bullish Divergence: เส้น RSI พิจารณาจากจุดต่ำสุดทั้งสองจุด เมื่อลากเส้นจะได้เป็นเส้นทแยงขึ้น ในส่วนของกราฟราคาเมื่อลากเส้นจะได้เป็นเส้นทแยงลง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น

Bearish Divergence: เส้น RSI พิจารณาจากจุดสูงสุดทั้งสองจุด เมื่อลากเส้นจะได้เป็นเส้นทแยงลง ในส่วนของกราฟราคา เมื่อลากเส้นจะได้เป็นเส้นทแยงขึ้น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวลง

bear rsi