
ทิศทางตลาดหุ้นไทยในครึ่งแรกปี 2566 ถือว่าอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นทั่วโลก ดัชนี SET ปรับตัวลดลงโดยลงมาทำจุดต่ำสุดกว่า -10% จากต้นปี 2566 ทำให้นักลงทุนอาจได้รับผลขาดทุนจากการลงทุนในหุ้นช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนไม่ค่อยสู้ดีนัก โดยสภาพคล่องในตลาดหุ้นไทยที่ลดลงสามารถสะท้อนถึงการปรับลดเม็ดเงินการลงทุนในหุ้นโดยตรงของนักลงทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ
แม้ตลาดหุ้นไทยจะค่อยๆปรับตัวขึ้นจากจุด Bottom ในช่วงกลางเดือน พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา แต่ตลาดหุ้นไทยในภาพรวมยังคงเป็นลักษณะแกว่งตัวออกข้าง และยังไม่มีปัจจัยใหม่มาสนับสนุนอย่างชัดเจน ตลอดจนในระยะยาวความท้าทายของนักลงทุนไทยในการสร้างผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทยยังเป็นประเด็นน่าขบคิด เนื่องจากหุ้นกลุ่มหลักในตลาดหุ้นบ้านเราเป็นกลุ่มเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม อาทิ พลังงาน ธนาคาร และค้าปลีก เป็นต้น ซึ่งไม่ได้ไปอิงกับกระแสหลักของโลก ทำให้โอกาสในผลตอบแทนขาขึ้นอาจมีจำกัด
ความไม่ชัดเจนในทิศทางของตลาดหุ้นไทยท่ามกลางความผันผวนที่ยังคงสูงกว่าระดับค่าเฉลี่ย ทำให้การจับจังหวะลงทุนทำได้ยากขึ้น หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงประเภท Fixed Coupon Note (FCN) จึงถือเป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะถูกออกแบบมาให้สามารถสร้างดอกเบี้ยเงินสดทุกเดือนตลอดอายุสัญญา FCN โดยไม่จำเป็นต้องคอยดูราคาหุ้นอยู่ตลอดเวลา และด้วยอายุสัญญาประมาณ 6 เดือนที่ไม่สั้นและไม่ยาวจนเกินไปทำให้สามารถประเมินกลยุทธ์ สภาวะตลาดและปรับแผนการลงทุนได้อย่างยืดหยุ่นขึ้น
โดยปกติผลิตภัณฑ์ Fixed Coupon Note หรือ FCN จะอ้างอิงกับราคาหุ้นในตะกร้าหลักทรัพย์ (1-2 หุ้นอ้างอิงใน SET50) และจะมีการจ่ายดอกเบี้ยให้นักลงทุน “ทุกเดือน” ตลอดอายุสัญญาไม่ว่าหุ้นจะขึ้น ลง หรือแกว่งออกข้างก็ตาม โดย FCN มีผลตอบแทนที่คาดหวังสูงกว่าหุ้นกู้ทั่วไปอยู่ในช่วง 8%-12% ต่อปี อาจมากกว่าหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับความผันผวนของหุ้นอ้างอิงในสัญญา ช่วงระยะเวลาลงทุน ราคาใช้สิทธิ(Strike) ราคา Knock Out และ ราคา Knock In โดย “ราคา Knock In” เปรียบเสมือนกรอบล่างที่ราคาหุ้นอ้างอิงสามารถปรับตัวลดลงไปได้ก่อนนักลงทุนจะมีโอกาสขาดทุนในส่วนของเงินต้น โดยปกติราคา Knock In จะอยู่ที่ระดับ 80%-90% ของราคาหุ้นอ้างอิง ณ วันทำสัญญา ทั้งนี้นักลงทุนสามารถลดความเสี่ยงทางด้านราคาลงได้ด้วยการลดระดับราคา Knock In ลง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยดอกเบี้ยของ FCN ที่ลดลงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ราคา “ราคา Knock Out” หรือเปรียบเสมือนราคากรอบบน กล่าวคือ ณ รอบจ่ายดอกเบี้ยรายเดือนใดๆ หากราคาหุ้นอ้างอิงทั้ง 2 หุ้นในสัญญาสูงกว่าหรือเท่ากับราคา Knock Out นักลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยของงวดที่เกิดการ Knock Out พร้อมรับเงินต้นคืนเต็มจำนวน และจะถือเป็นการจบสัญญา FCN โดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องถือจนครบอายุ
เช่น สมมติ FCN อายุ 6 เดือน ดอกเบี้ย 12% ต่อปี (เฉลี่ย 1% ต่อเดือน) กรณีเกิดการ Knock Out ขึ้นที่งวดดอกเบี้ยเดือนที่ 3 เท่ากับว่ากรณีนี้นักลงทุนได้รับดอกเบี้ย 1% ของเงินต้นในงวดที่ 3 และรับเงินต้นคืนเต็มจำนวน ณ งวดเดือนที่ 3 ที่เกิด Knock Out ทันที เมื่อรวมกับดอกเบี้ยงวด 1 และ 2 (ที่ได้รับในงวดเดือนที่ 1 และ 2 ตามลำดับ) รวมกันได้ผลตอบแทนรวมเป็น 3% ของเงินต้น ในระยะเวลา 3 เดือน เป็นต้น
ดังนั้น FCN จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยมาหมุนเวียนในทุกๆเดือน แม้ว่าตลาดหุ้นจะแกว่งตัวในกรอบแคบก็ตาม อย่างไรก็ตามนักลงทุนจะต้องเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นอ้างอิงโดยตรงได้ เนื่องจากมีโอกาสที่นักลงทุนจะได้รับไถ่ถอนเงินต้นคืนเป็นหุ้นอ้างอิงในกรณีที่เกิดการ Knock In ขึ้น แต่ไม่เกิดการ Knock Out และ ราคาปิดหุ้นใดหุ้นหนึ่งในสัญญาหรือทั้ง 2 หุ้นในวันครบกำหนดอายุต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ(Strike) ซึ่งในกรณีนี้จะทำให้เกิดการขาดทุนจากการได้รับหุ้นที่ราคา ณ วันเข้าทำสัญญา ซึ่งสูงกว่า ราคา ณ วันครบกำหนดอายุ ทั้งนี้นักลงทุนยังคงสามารถถือหุ้นนั้นต่อไปและมีโอกาสขายเพื่อรับเงินต้นคืนหรือทำกำไรได้หากราคาของหุ้นอ้างอิงนั้นปรับสูงขึ้น
แม้ว่าดัชนี SET จะปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดกว่า -10% ใน 5 เดือนแรกปี 2566 แต่จากการสำรวจพบว่าสัญญา FCN ที่หมดอายุในช่วงเวลาเดียวกันที่ออกและเสนอขายโดยหลักทรัพย์บัวหลวง มีสัดส่วนการได้รับคืนเป็นเงินสดสูงถึง 75% สะท้อนได้ว่า FCN สามารถช่วยลดโอกาสในการขาดทุนจากหุ้นได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากระดับราคา Knock In ซึ่งเปรียบเสมือน airbag ทางด้านราคา ส่วนใหญ่จะต่ำกว่าราคาตลาด ณ วันเข้าลงทุน FCN ที่ 10%-20%
นั่นหมายความว่าหากราคาหุ้นอ้างอิงไม่ลงมาต่ำกว่าระดับราคา Knock In ตลอดอายุสัญญา นักลงทุนก็จะได้รับดอกเบี้ยทุกเดือนพร้อมเงินต้นคืนเต็มจำนวน ณ วันหมดอายุ นอกจากนี้สัญญา FCN ดังกล่าวมีค่าเฉลี่ยในการสร้างดอกเบี้ยที่ 10.25% ต่อปี
สำหรับจุดเด่น FCN ของหลักทรัพย์บัวหลวงคือ
1. อ้างอิงกับคู่หุ้นที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีจากผู้เชี่ยวชาญ และเป็นหุ้นที่อยู่ในสภาวะเหมาะสมในการเข้าทำสัญญา FCN
2. นักลงทุนสามารถเลือกหุ้นอ้างอิงได้จากรายชื่อหุ้นอ้างอิงที่บริษัทฯนำเสนอ และระดับราคาต่างๆเพื่อปรับแต่งให้เหมาะกับความคาดหวังของตนเองได้
3. สามารถซื้อ FCN โดยได้ราคาหุ้นอ้างอิงแบบเรียลไทม์ ไม่ต้องรอจนสิ้นวัน ทำให้จับจังหวะลงทุนได้ยืดหยุ่นมากขึ้น
4. ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 ล้านบาท ทำให้สามารถจัดพอร์ตลงทุนและกระจายความเสี่ยงได้ดีขึ้น
5. มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญและผู้แนะนำการลงทุนให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งมอบบริการและคำแนะนำการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน
6. เป็นผู้ออกที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ AA มีธนาคารกรุงเทพเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ FCN เป็นตราสารที่ไม่มีการคุ้มครองเงินต้น ผู้ลงทุนจึงควรทำความเข้าใจเงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่าน หรือ BLS Customer Service โทร. 0 2618 1111
ติดตามบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ FCN
หลักทรัพย์บัวหลวงแนะทางเลือกลงทุนใหม่ Fixed Coupon Note (FCN) เอาใจสาย Yield Hunter คลิก
หรือดูคลิปสั้นทำความเข้าใจได้ FCN ELN ที่ Playlist เล่าเรื่อง Structured note ให้เป็นเรื่องง่ายด้านล่างนี้เลยค่า