
‘สรุป’ งบไตรมาสล่าสุด หุ้นเทคโนโลยี FAAMG
ในช่วงเวลานี้ของทุกปี ช่วงเดือนกุมภาพนธ์ มักจะเป็นช่วงที่หลายบริษัทประกาศงบไตรมาส 4 ของปี 64 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยต่อราคาหุ้นที่นักลงทุนหลายคนให้ความสนใจ... วันนี้ BLS Global Investing จะมาสรุปผลประกอบการไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 4 ปี 64 ตามปีปฏิทิน) ของหุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ และประเด็นอัปเดตล่าสุดของแต่ละบริษัทมาให้ฟังกัน
FAAMG : Facebook, Amazon, Apple, Microsoft, Google [Alphabet]
ข้อมูลเปรียบเทียบรายได้ในไตรมาส 4 ปี 63 และ ปี 64 ของหุ้นกลุ่ม FAAMG
หมายเหตุ: Apple และ Microsoft มีการนับปีบัญชีต่างจากบริษัทอื่น โดยงบไตรมาสล่าสุด (ต.ค.-ธ.ค. 64) คือ 1Q22 และ 2Q22 ตามลำดับ
เรามาเริ่มบริษัทแรกกันเลย...
1. Meta Platforms (FB. US)
ชื่อบริษัทเดิม: Facebook
ในไตรมาส 4 (ต.ค. - ธ.ค. 64) Facebook มีรายได้รวมอยู่ที่ 33,671 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โตกว่า 20% จากปีก่อน ในส่วนของกำไรสุทธิ อยู่ที่ 10,285 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 8% จากปีก่อน จากการที่ระบบ iOS ของ Apple ส่งผลกระทบต่อการยิงโฆษณาของลูกค้า Facebook ส่วนหนึ่ง
ในไตรมาสเดียวกัน FB มีแหล่งรายได้จากธุรกิจโฆษณา ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก จากแพลตฟอร์ม Facebook, Instagram, Messenger, WhatsApp ที่ 32,794 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โตกว่า 20% จากปีก่อน และอีกหนึ่งธุรกิจน้องใหม่ ธุรกิจพัฒนาเทคโนโลยีด้าน AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) ภายใต้ชื่อ Reality Labs” สร้างรายได้ด้วยการผลิต จำหน่าย และให้บริการ สินค้าฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ คอนเทนต์ เกี่ยวกับ VR และ AR เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโลกเสมือนจริง Metaverse รายได้แตะ 877 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โตกว่า 22% จากปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วนรายได้เพียง 2.6% ของรายได้รวม 4Q21
ใน 4Q21 จำนวนผู้ใช้งานรายวัน (DAUs) และรายเดือน (MAUs) ของ Facebook เติบโตชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า อยู่ที่ 1.92 และ 2.91 พันล้านราย ตามลำดับ จากการแข่งขันที่สูงขึ้นจากแพลตฟอร์มอื่น เช่น TikTok ส่งผลให้ Bloomberg คาดตัวเลข MAUs และ DAUs ในไตรมาสหน้า (1Q22) อาจโตราว 1% เมื่อเทียบกับก่อน (โดยปกติ DAUs และ MAUs มักโตราว 2-3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน)
2. Amazon (AMZN. US)
ในไตรมาส 4 (ต.ค. - ธ.ค. 64) Amazon รายได้โต 9% จากปีก่อน แตะ 1.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านกำไรสุทธิโตถึง 98% จากปีก่อน ที่ 14,323 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หนุนจากกำไรก่อนหักภาษีจากการลงทุนในบริษัทรถยนต์ EV “Rivian” (RIVN) ที่ 11.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในไตรมาสเดียวกัน AMZN มีแหล่งรายได้จากธุรกิจหลัก E-commerce ที่ 66,075 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (∼48% ของรายได้รวม), รายได้จากการให้บริการร้านค้าบนแพลตฟอร์ม Amazon ที่ 30,320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โต 11% จากปีก่อน, รายได้ธุรกิจ Cloud (Amazon Web Services) ที่ 17,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โต 40% จากปีก่อน, รายได้โฆษณาที่ 9,716 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โตเช่นกัน 32% จากปีก่อน นอกจากนี้ AMZN ยังมีรายได้อื่นที่สัดส่วนอีก 9.8% จากการให้บริการ Subscriptions (5.9%) และการจำหน่ายสินค้าแบบ Brink and mortar หน้าร้าน (3.4%) และธุรกิจอื่น (0.5%)
เมื่อ 3 ก.พ. 65 AMZN เผยบริษัทมีแผนปรับราคาสมาชิก Prime รายปี ขึ้นราว 17% เป็น 139 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (~4,600 บาทต่อปี) จากเดิม 119 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (~3,900 บาทต่อปี) จากปัจจัยด้านอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการสำหรับสมาชิกใหม่ในวันที่ 18 ก.พ. 65 ถือเป็นการปรับราคาขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 61
3. Apple (AAPL. US)
ในไตรมาส 1 ปี 65 (ต.ค. - ธ.ค. 64) Apple รายได้โต 11.2% จากปีก่อน แตะ 1.24 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หนุนจากยอดขาย iPhone, Wearables, Macs และรายได้จากการบริการที่โต 9% 13% 25% และ 24% จากปีก่อน ตามลำดับ ขณะที่ยอดขาย iPad หดตัว 14% จากปีก่อน จากปัญหาขาดแคลนชิปที่ยังคงมีอยู่ ส่วนกำไรสุทธิโต 20% จากปีก่อน แตะ 34,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในไตรมาสเดียวกัน AAPL มีแหล่งรายได้จากการจำหน่าย iPhone อยู่ที่ 71,628 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นสัดส่วน 58% ของรายได้รวม), จำหน่ายสินค้าประเภท Accessories รวมถึงสินค้าสำหรับสวมใส่ อาทิ Apple Watch และ Home ที่ 14,701 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (11.9% ของรายได้รวม), จำหน่าย Mac ที่ 10,852 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (8.8% ของรายได้รวม), จำหน่าย iPad ที่ 7,248 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5.8% ของรายได้รวม) และอีกหนึ่งธุรกิจที่โตดีเช่นกันคือ ธุรกิจให้บริการด้านซอฟต์แวร์ เช่น Subscriptions มีรายได้อยู่ที่ 19,516 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (15.7% ของรายได้รวม)
เมื่อ 27 ม.ค. 65 Tim Cook CEO ของ AAPL เผยกับ CNBC ถึงปัญหาน่ากังวลในปัจจุบัน คือการจัดหาชิปประเภท Legacy Nodes ซึ่งเป็นชิปสำหรับใช้งานในฟังก์ชันต่าง ๆ ของ iPhone ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผล การจัดการพลังงาน ฯลฯ อย่างไรก็ดีบริษัทยังคงสามารถจัดหาชิป Leading Edge ซึ่งเป็นชิปประมวลผลหลักของ iPhone ได้
4. Microsoft (MSFT. US)
ในไตรมาส 2 ปี 65 (ต.ค. - ธ.ค. 64) Microsoft รายได้แตะ 51,728 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นราว 20% จากปีก่อน หนุนจากรายได้ธุรกิจ Cloud ที่โต 32% จากปีก่อน จากจำนวนการทำสัญญาระยะยาว Azure ที่เพิ่มขึ้น ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 18,765 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน
ในไตรมาสเดียวกัน MSFT มีแหล่งรายได้จากธุรกิจ Intelligent Cloud โต 26% จากปีก่อน ที่ 18,327 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (35.4% ของรายได้รวม) กลุ่มนี้รวมถึงการให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure ที่โต 46% จากปีก่อน (เติบโตติดต่อกันมา 5 ไตรมาสติดแล้ว), รายได้จากสินค้ากลุ่ม More Personal Computing (เน้นลูกค้ารายบุคคล) เช่น ลิขสิทธิ์ Windows ที่เราใช้กันเกือบทุกบ้าน อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์เกม ฯลฯ ซึ่งรายได้โต 15% จากปีก่อน แตะ 17,465 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (33.8% ของรายได้รวม) และสุดท้าย... รายได้จากสินค้ากลุ่ม Productivity & Business Process (เน้นลูกค้ารายธุรกิจ/บริษัท) อาทิ Microsoft Office 365 แพลตฟอร์ม LinkedIn ที่โต 19% จากปีก่อน อยู่ที่ 15,936 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (30.8% ของรายได้รวม)
เมื่อ 18 ม.ค. 65 MSFT ประกาศเข้าซื้อบริษัท Activision Blizzard (ATVI) ผู้ผลิตเกมแฟรนไชส์ชื่อดังอย่าง Call of Duty, Warcraft, Overwatch ฯลฯ ด้วยมูลค่า 68,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ MSFT ขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีรายได้จากเกมใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก (รองจาก Tencent และ Sony) อีกทั้งดีลนี้ ยังเป็นดีลที่มีมูลค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท คาดว่าดีลนี้จะเสร็จสมบูรณ์ภายใน 66
5. Alphabet (GOOGL. US)
Alphabet บริษัทแม่ของ Google (ชื่อที่เราต่างคุ้นเคย) ในไตรมาส 4 ปี 64 (ต.ค. - ธ.ค. 64) บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 75,325 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตคิดเป็น 32% จากปีก่อน สำหรับกำไรสุทธิอยู่ที่ 20,642 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โตเช่นกัน 36% จากปีก่อน
ในไตรมาสเดียวกัน GOOGL มีแหล่งรายได้จากการโฆษณาสัดส่วนถึง 81% ของรายได้รวม อยู่ที่ 61,239 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โต 33% จากปีก่อน แบ่งออกเป็น 1.) Google Search (Search engine ของ Google), 2.) Google Network (สมาชิกบนแพลตฟอร์ม Google Display Network) และ 3.) YouTube Ads ที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 58%, 12% และ 12% ตามลำดับ
ยังมี Google Other รายได้ที่เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ มีเดีย Cloud Computing ที่ลดลง 7% จากปีก่อนแตะ 6,181 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (11% ของรายได้รวม) และ Google Cloud รายได้ธุรกิจ Cloud ที่โตได้ 45% จากปีก่อน แตะ 5,541 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (7% ของรายได้รวม) และรายได้อื่น (1% ของรายได้รวม)
เมื่อ 1 ก.พ. 65 GOOGL ประกาศแผนแตกพาร์ (Stock Split) ในอัตราส่วน 20 หุ้นใหม่ต่อ 1 หุ้นเดิม เอาใจนักลงทุนรายย่อย เพื่อให้เข้าถึงหุ้นได้มากขึ้น นับว่าเป็นการแตกหุ้นครั้งที่สองนับตั้งแต่ปี 57 โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการในเดือนก.ค. 65
จบกันไปสำหรับบทความ ‘สรุป’ งบไตรมาสล่าสุด หุ้นเทคโนโลยี FAAMG
สำหรับสัปดาห์ต่อไป BLS Global Investing จะนำความรู้การลงทุนต่างประเทศเรื่องไหนมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง....อย่าลืมติดตามกันนะคะ ทุกวันเสาร์ เวลา 11.00 น.
📌 เปิดบัญชีลงทุนต่างประเทศออนไลน์ง่าย ๆ สไตล์ BLS Global Investing ได้ที่ https://bls.tips/openglobalinvesting
เรียบเรียงโดย
ศิวพรรณ ประดิษฐ์กุล Product Specialist
ธนาวดี รัตนแสง Assistant Product Specialist
ส่วนธุรกิจหลักทรัพย์ต่างประเทศ
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง
Source:
BLS Global Investing, Bloomberg, AAstocks, Masonstevens.com.au, IDC, Investopedia, Inc.,
CNBC ข้อมูล ณ วันที่ 11 ก.พ. 65
อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้
1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 33 บาท