
ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P 500
- ภาพรวมรายได้ ไตรมาส 4 ปี 2563 โต 2.6%YoY
- ภาพรวมกำไรไตรมาส 4 ปี 2563 โต 5.2%YoY
สัดส่วนของกลุ่มธุรกิจในดัชนี S&P 500 (%)
Source: Bloomberg as of 23/3/64
แต่ละ Sector ผลประกอบการนั้นเป็นอย่างไร ?
จะเห็นว่าอัตราการเติบโตในไตรมาส 4 ปี 2563 ที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมที่นำเด่นได้แก่กลุ่มวัสดุ (Materials) ซึ่งโตที่ 25.7%YoY ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมรองลงมาคือกลุ่มการเงิน (Financials) และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ที่ 17.3%YoY และ 17.0%YoY ตามลำดับ
หุ้นเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด 5 บริษัทในดัชนี S&P 500
โดยน้ำหนักรวมอยู่ที่ประมาณ 21% ของดัชนี S&P 500 ซึ่งทั้ง 5 บริษัทมีรายได้และกำไรไตรมาส 4 ปี 2563 เติบโตเป็นบวกทั้งสิ้น อีกทั้งทำสถิติใหม่ของแต่ละบริษัทเช่นกัน สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจที่สามารถฝ่าวิกฤต
ในรายกลุ่มอุตสาหกรรม คาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรปี 2564 เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเทียบกับปี 2563 ?
Source: Bloomberg as of 23/3/64
กลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ มีบริษัทอะไรบ้าง ?
– กลุ่มอุตสาหกรรม Communications
Google (GOOGL) บริษัท Search engine ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และรายได้ส่วนหลักมาจากรายได้จากการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์ม Google จะเห็นว่ารายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 56,898 เหรียญสหรัฐฯ (โตจากไตรมาส 4 ปี 2562 ที่ 23%) แบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม Google คิดเป็น 93% ของรายได้รวม และรายได้จากบริการ Cloud คิดเป็น 7% ของรายได้รวม หากมองผลตอบแทนราคาหุ้น GOOGL ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 16.0%
อีกบริษัทหนึ่งคือ Facebook (FB) บริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์ค โดยในปี 2563 Facebook มีรายได้มากขึ้น จากจำนวนผู้ใช้งานและเวลาในการใช้งานแพลตฟอร์มต่อวันเพิ่มสูงขึ้น รายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 28,072 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งโตกว่า 33% เมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้งสำหรับไตรมาส 1 ปี 2564 Bloomberg Consensus คาดการณ์รายได้รวมอยู่ที่ 23,618 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผลตอบแทนราคาหุ้น FB ตั้งแต่ต้นปี 3.3%
– กลุ่มอุตสาหกรรม Consumer Discretionary
ตัวอย่างธุรกิจ ได้แก่ Amazon (AMZN), Home Depot (HD), Starbucks (SBUX)
Amazon (AMZN) บริษัทที่เน้นรายได้จากการให้บริการแพลตฟอร์มซื้อสินค้าออนไลน์ (e-Commerce) อีกทั้งยังมีรายได้จาก Cloud ที่เติบโตดีเช่นกัน สำหรับรายได้ไตรมาส 4 ปี 63 อยู่ที่ 125,555 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โต 43.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้งเรายังเชื่อว่าด้านของโมเดลธุรกิจ Amazon ยังคงดี ธุรกิจ Cloud เติบโตสองหลัก และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจาก Cloud Computing นับว่าเป็นเมกะเทรนด์แห่งอนาคตเช่นกัน โดย Bloomberg Consensus คาดรายได้โตที่ 104,474 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผลตอบแทนราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -5.2%
สำหรับ Home Depot (HD) ที่มีโมเดลธุรกิจคล้ายกับ HomePro ผู้ซื้อจัดจำหน่ายสินค้าที่ใช้ในบ้านที่หลากหลาย ในปี 2563 ที่ผ่านมา HD ได้รับผลกระทบไปค่อนข้างมากจากวิกฤตโควิด-19 อย่างไรก็ดี รายได้รวมปี 2563 อยู่ที่ 132,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งยังนับว่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 20% และเรายังมองว่า Home Depot อาจได้รับแรงหนุนกลับมาจากมาตรการเยียวยาของประธานาธิบดี โจ ไบเดน กว่า 1,400 เหรียญสหรัฐฯต่อครัวเรือน เนื่องจากอาจทำให้คนนำเงินที่ได้รับมาไปจับจ่ายใช้สอยซื้อของในบ้านมากยิ่งขึ้น สำหรับหุ้น Home Depot (HD) ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 10.9%
– กลุ่มอุตสาหกรรม Energy
อาทิ Exxon Mobile (XOM), Chevron (CVX)
Chevron (CVX)
บริษัทพลังงานขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ดำเนินกิจการในหลายประเทศทั่วโลก รวมไปถึงการผลิตและจัดส่งน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติให้กับลูกค้าและการสกัด ทำการตลาด ส่งออกน้ำมัน ฯลฯ
สำหรับรายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 24,843 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่ 28% และหากดูกำไรสุทธิทั้งปี 2563 Chevron ขาดทุน 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ปีก่อน ได้กำไรอยู่ที่ 2,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะเห็นว่าในปีก่อน บริษัทที่อยู่ในกลุ่มพลังงานได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ไปค่อนข้างมาก โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 33,237 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
หากดูที่บริษัท Exxon Mobil (XOM) กันบ้าง รายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 45,738 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงกว่า 27% เมื่อเทียบกับปีก่อน และทั้งปี 2563 มีผลขาดทุนเช่นกันที่ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่างจากปี 2562 ที่กำไรอยู่ถึง 10,640 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อีกทั้ง Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 2,266 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี บริษัทพลังงาน อาจได้รับแรงหนุนจากการเปิดเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ จากที่หลายประเทศได้มีการฉีดวัคซีนให้กับคนในประเทศกันไปแล้ว โดยผลตอบแทนราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี 2564 ของ XOM และ CVX อยู่ที่ 39%, 25.7%
– กลุ่มอุตสาหกรรม Financials
Visa (V) บริษัทที่ให้บริการด้านการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งแบบการซื้อขายสินค้าแบบ traditional และ e-Commerce เช่นกัน อย่างไรก็ดี รายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 5,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปีก่อน 17% หากดูที่รายได้ปี 2563 จะอยู่ที่ 21,846 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปี 2562 ประมาณ 5%
สำหรับไตรมาส 1 ปี 2564 (1 พ.ย. 2563 – 26 ม.ค. 2564) ตัวเลขที่สำคัญอย่าง ปริมาณการชำระเงิน (Payment Volume) เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน อีกทั้ง Bloomberg Consensus คาดการณ์รายได้ไตรมาส 2 ปี 2564 (1 ม.ค. – 31 มี.ค. 2564) ที่ 5,546 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อในไตรมาสอื่น ๆ ปี 2564 นี้ด้วย
Source: Visa’s report as of 25/3/64
– กลุ่มอุตสาหกรรม Healthcare
เช่น Johnson and Johnson (JNJ) และ Pfizer (PFE)
ในปีที่ผ่านมา รวมถึงต้นปีนี้ ทั้ง 2 บริษัท เร่งพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยที่ล่าสุดทาง Johnson and Johnson (JNJ) ได้สามารถพัฒนาวัคซีนออกมาที่มีประสิทธิภาพที่ 66% และจะเห็นผลใน 28 วัน หลังจากฉีดวัคซีน ซึ่งระดับการป้องกันจะขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศที่ทำการขนส่งและฉีดด้วย เช่น JNJ วัคซีนจะมีผล 72%, อเมริกาใต้ที่ 66% และแอฟริกาใต้ 57% หากย้อนกลับมาดูรายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 22,475 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โต 8.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน และสำหรับรายได้ไตรมาส 1 ปี 2564 ที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์อยู่ที่ 21,997 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำหรับ Pfizer (PFE) มีประสิทธิภาพวัคซีนอยู่ที่ 95% หลังจากฉีดวัคซีนจำนวน 2 โดส โดยอัตราการป้องกันจะแตกต่างกันมากน้อยในแต่ละอายุและเชื้อชาติ รายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 11,684 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โต 11.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้ง Bloomberg Consensus คาดรายได้ไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 13,641 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
– กลุ่มอุตสาหกรรม Industrials
เช่น General Motors (GM) และ Caterpillar (CAT)
General Motors (GM) เป็นบริษัทออกแบบ ผลิต จำหน่ายรถยนต์ประเภทรถยนต์ส่วนตัว รถบรรทุก รถครอสโอเวอร์ (รวมไปถึง SUV) และชิ้นส่วนในรถยนต์อื่น อีกทั้งยังรวมไปถึงบริการอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงเช่นกัน รายได้ รวมปี 2563 อยู่ที่ 122,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยรายได้จากการจำหน่ายรถยนต์อยู่ที่ 122,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 89.4% ของรายได้รวม
อีกทั้ง GM ยังมีแผนการสร้างรถบรรทุกไฟฟ้า (electric trucks) หวังสร้างรถบรรทุกที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในการใช้งาน หรือที่เรียกว่า (Zero-Emissions Future)
Source: www.gm.com as of 25/3/64
โดยรูปข้างต้นเป็นเพียงการจำลองของบริษัทเท่านั้น การผลิตจริงอาจแตกต่างออกไป โดยบริษัทกล่าวไว้ว่าระยะเวลาที่พร้อมใช้งานคือช่วง Fall (ช่วงในเดือน ก.ย. ถึง ธ.ค.) ปี 2564
สำหรับรายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 37,518 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โต 21.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้ง Bloomberg consensus คาดรายได้ไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 32,173 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
– กลุ่มอุตสาหกรรม Materials
เช่น 3M (MMM) และ Ecolab (ECL)
หนึ่งบริษัทที่เราอาจคุ้นเคยกันดี นั่นก็คือ 3M (MMM) ซึ่งเป็นบริษัทที่ครอบคลุมสินค้าหลายกลุ่ม อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ การโทรคมนาคม อุตสาหกรรม สุขภาพ (Healthcare) ฯลฯ โดยให้บริการกับลูกค้าทั่วโลก
รายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 8,583 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รายได้จากกลุ่มสินค้า Safety & Industrial อยู่ที่ 3,140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (สัดส่วนที่ประมาณ 34% ของรายได้รวม), กลุ่มขนส่งและอิเล็กทรอนิกส์ รายได้อยู่ที่ 2,338 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 25% ของรายได้รวม, กลุ่มสุขภาพ มีรายได้อยู่ที่ 2,257 ล้านเหรียญสหรัฐฯเช่นกัน สัดส่วนที่ 25% และสุดท้ายกลุ่มบริโภคที่ 1,425 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สัดส่วน 15% ของรายได้รวม อีกทั้งรายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 โตจากปีก่อนที่ 5.8% และ Bloomberg Consensus คาดรายได้ไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 8,479 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
– กลุ่มอุตสาหกรรม Real Estate
เช่น American Tower (AMT)
บริษัทด้านการลงทุนในสหรัฐฯ โดยเป็นเจ้าของ ดำเนินธุรกิจ และพัฒนาตึกที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารระบบไร้สายและการถ่ายทอดในสหรัฐฯ โดยบริษัทฯ ให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารเช่าพื้นที่ เพื่อใช้สำหรับการติดต่อสื่อสาร อาทิ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ ฯลฯ บนเสาอากาศบนตึกเหล่านี้
รายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 2,123 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โต 10.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้ง Bloomberg Consensus คาดรายได้ไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 2,168 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้จากอสังหาฯในปี 2563 อยู่ที่ 7,954 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2562 6.5% อีกทั้งหากมองย้อนกลับไปอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง (ตั้งแต่ปี 2558 – 2563) อยู่ที่ 11% ต่อปี และบริษัทฯ คาดการณ์รายได้รวมจากอสังหาฯในปี 2564 ไว้ที่ 8,575 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยคาดโตที่ 12% เทียบกับปี 2563
– กลุ่มอุตสาหกรรม Information Technology (IT)
รู้หรือไม่? หากเจาะลงไปในกลุ่มธุรกิจของกลุ่มอุตสาหกรรม Information technology จะเห็นว่า semiconductor, hardware และ software มีอัตราการเติบโตของรายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 19.5%, 13.7% และ 11.3% ตามลำดับ
กลุ่มธุรกิจ Semiconductor
อาทิ Nvidia (NVDA) บริษัทผู้ออกแบบ พัฒนา หน่วยประมวลผลกราฟิก 3D และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง
Source: https://investor.nvidia.com/
สำหรับรายได้ไตรมาส 4 ปี 2564 (1 พ.ย. 2563 – 31 ม.ค. 2564) อยู่ที่ 5,003 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โต 61.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้ง Bloomberg Consensus คาดรายได้ไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 5,285 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 65% ของรายได้รวม และสัดส่วนหลักมาจากการจำหน่ายหน่วยประมวลผลสำหรับเกม โดยอัตราการเติบโตไตรมาส 4 ปี 64 (ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2563 – 31 ม.ค. 2564) สองหลักที่ 10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 64 (1 ส.ค. 2563 – 31 ต.ค. 2563) และโตกว่า 67% เมื่อเทียบกับปีก่อน (1 ก.พ. 63 – 31 ม.ค. 64) ผลตอบแทนหุ้นย้อนหลัง 1 ปี เท่ากับ 110.11%
กลุ่มธุรกิจ Hardware
อาทิ Apple (AAPL) รายได้หลักมาจากการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ iPhone แต่ Apple ยังคงมีสินค้าอื่น ๆ เช่น iPad, iMac, Apple Watch ฯลฯ ที่ช่วยเพิ่มรายได้อีกหลายชนิด ซึ่งเป็นสินค้าที่ทำ Design, Technology, และ Innovation ควบคู่กันอย่างดี
สำหรับรายได้ไตรมาส 1 ปี 2564 (1 ต.ค. – 26 ธ.ค. 63) อยู่ที่ 111,439 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โต 21.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้ง Bloomberg Consensus คาดรายได้ไตรมาส 2 ปี 2564 (1 ม.ค. – 31 มี.ค. 64) อยู่ที่ 76,702 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
กลุ่มธุรกิจ Software & services
อาทิ Microsoft (MSFT), Salesforce.com (CRM) และ Oracle (ORCL)
สำหรับหุ้น Microsoft (MSFT) เราอาจพูดถึงกันมาค่อนข้างหลายครั้งแล้ว วันนี้อยากจะชวนมาดูและทำความรู้จัก Salesforce.com (CRM) กันบ้าง
Salesforce.com (CRM) เป็นบริษัทที่ช่วยออกแบบ พัฒนา และจำหน่ายแพลตฟอร์มที่ใช้ในธุรกิจในด้านของ Customer relationship management (CRM) หวังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ส่งผลต่อรายได้และกำไรของธุรกิจแบบยั่งยืน โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถจัดการได้ทั้งยอดขาย ลูกค้า และข้อมูลการดำเนินงาน ฯลฯ
รายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 5,817 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โต 19.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้ง Bloomberg Consensus คาดรายได้ไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 5,880 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
– กลุ่มอุตสาหกรรม Utilities
อาทิ Nextera Energy (NEE) และ Dominion Energy (D)
Nextera (NEE) เป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านผลิต ขนส่ง และจำหน่ายพลังงานยั่งยืน (sustainable energy) หรือพลังงานสะอาด (clean energy) หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นพลังงานไฟฟ้า (NEE เป็นเจ้าของบริษัทผลิตพลังงานไฟฟ้าแบบควบคุมอัตรา (rate-regulated) ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯที่มีชื่อว่า Florida Power & Light Company เป็นต้น) อาทิ พลังงานลม พลังงานโซลาร์ และแก๊สธรรมชาติ เป็นต้น อีกทั้ง NEE ยังมีบริษัทย่อยที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับหน่วยพลังงานนิวเคลียร์สำหรับใช้ในธุรกิจ
รายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 4,395 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 4.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้ง Bloomberg Consensus คาดรายได้ไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 4,886 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Source: www.nexteraenergy.com
สำหรับ Dominion Energy (D) ผู้ให้บริการและจัดจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าและแก๊สธรรมชาติ รวมไปถึงการบริการด้านการเก็บรักษา การเก็บ และการส่งผ่านพลังงาน เป็นต้น โดยข้อมูลจาก Bloomberg รายงานว่าในปัจจุบัน Dominion ได้ให้บริการพลังงานไฟฟ้าให้กับลูกค้ารายย่อยกว่า 7 ล้านรายใน 8 รัฐของประเทศสหรัฐฯ โดยเน้นไปที่รัฐ Ohio, Virginia และ the Carolinas
รายได้ไตรมาส 4 ปี 2563 อยู่ที่ 3,251 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 9.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้ง Bloomberg Consensus คาดรายได้ไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 4,035 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Source: https://investors.dominionenergy.com
จบไปแล้วนะคะ… สำหรับบทความอัปเดตอัตราเติบโตของรายได้และกำไรไตรมาส 4 ปี 2563 ของบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 ที่แบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรม รวมไปถึงคาดการณ์การเติบโตสำหรับปี 2564 ด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมไหนคาดการณ์เติบโตเด่นในปีนี้ ? พร้อมทั้งโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่งและน่าสนใจ
จะเห็นว่าหุ้นเทคฯ ไตรมาส 4 ปี 2563 เติบโตดี ไม่ว่าจะเป็นรายได้หรือกำไร แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการเติบโต ดังนั้นถึงแม้ในปีนี้ การเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจะทำให้ valuation ของหุ้นเทคฯ ตึงตัวเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่ม Cyclicals หรือ Value แต่เรายังมองว่าศักยภาพในการเติบโตยังคงสูงเช่นกัน
อีกมุมหนึ่ง… รายได้และกำไรไตรมาส 4 ปี 2563 เริ่มกลับมาดีขึ้น อาจมองได้ว่า ธุรกิจกำลังฟื้นตัวดี พร้อมกับการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ด้วย
อีกทั้งนักลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละหุ้นข้างต้นได้ในเว็ปไซต์หลักของบริษัท และหุ้นบางตัวเราก็ได้นำมาเขียนรายงานบทวิเคราะห์กันด้วยรายสัปดาห์กันด้วย เพื่อที่นักลงทุนหลักทรัพย์บัวหลวง จะได้ไม่พลาดข้อมูลหุ้นต่างประเทศที่เป็นประโยชน์ค่ะ
ทุกไตรมาส เราจะออกรายงาน US Earnings Review เพื่ออัปเดตผลประกอบการดัชนี S&P 500 คัดสรรเฉพาะลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวง อย่าลืมติดตามกันนะคะ
📌 เปิดบัญชีลงทุนต่างประเทศออนไลน์ง่าย ๆ สไตล์ BLS Global Investing ได้ที่ https://bls.tips/openglobalinvesting
📌 ติดตามรายงานการลงทุนต่างประเทศ คัดสรรสำหรับลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวง “เนื้อหาอัดแน่นและจัดเต็ม” ทุกสัปดาห์ ในเมนู Global Research https://bls.tips/reportblsglobalinvesting
📌 สะดวกกว่าเดิม…วิธีค้นหา Global Research แบบใหม่ https://bls.tips/globalresearch
สัปดาห์หน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ติดตามกันได้ทุกวันเสาร์นะคะ 🥰
Source: Bloomberg, companies’ website, Yahoo Finance, Statnews.com, as of 24 มี.ค. 2564