
Tips
ไปดูภาพยนตร์ Frozen II ทุนสร้าง 150 ล้านเหรียญของ Walt Disney กันหรือยัง!!Walt Disney อาณาจักรสื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่อายุกว่า 100 ปี ผู้ประกอบธุรกิจสร้างภาพยนตร์ชื่อดัง เช่น Avenger, Lion King และ Star Wars เป็นต้น รวมถึงธุรกิจสวนสนุก สตูดิโอหนัง และธุรกิจจำหน่ายลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนให้กับบริษัททั่วโลกให้นำไปผลิตสินค้าต่างๆ ได้ส่งหนังภาคต่อ Frozen II เข้าประจำการณ์ในโรงภาพยนตร์ทั่วโลกมาได้ 3 สัปดาห์แล้ว เพียงแค่ 2 สัปดาห์แรก กวาดรายได้ทั่วโลกไปแล้วกว่า 920 ล้านเหรียญ แบ่งเป็นรายได้รวมในสหรัฐอเมริกาประมาณ 347 ล้านเหรียญ และรายได้รวมต่างประเทศประมาณ 573 ล้านเหรียญ โดยเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ก็ยังคงครองแชมป์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ Frozen II ขึ้นเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดอันดับหนึ่ง 3 สัปดาห์ติดของ BOX Office รองลงมาเป็นภาพยนตร์เรื่อง Knives Out (อ้างอิงข้อมูลจาก cnbc และ boxofficemojo ตัวเลข ณ 8 ธ.ค. 62) และความฮอตของภาพยนตร์ Frozen II ที่มีชื่อภาษาไทยว่า “โฟรเซ่น 2 ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ” ในคอหนังชาวไทยยังผลักดันให้ขึ้นแท่นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดในเมืองไทย ด้วยตัวเลขรายได้รวมทั่วประเทศประมาณ 188.5 ล้านบาท ตัวเลข ณ วันที่ 8 ธ.ค. 62 (อ้างอิงข้อมูลจาก www.thailandboxoffice.com) ล่าสุดเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Disney ได้ออกมาคาดการณ์ว่า “ภาพยนตร์ Frozen II จะสามารถกวาดรายได้รวมเกิน 1 พันล้านเหรียญทั่วโลก ภายในสัปดาห์นี้ (วันที่ 9-15 ธ.ค. 62) ผ่านมาถึงวันที่ 10 ธ.ค. 62 ทำตัวเลขได้แล้ว 927 ล้านเหรียญทั่วโลก ทีม BLS Global Investing เล่าให้ “เม่าจำไม By Bualuang Securities” ฟังว่า Disney ได้ทุบสถิติรายได้จากการขายตั๋วหนังสูงสุดไปเรียบร้อยแล้ว!! เพราะนับตั้งแต่ต้นปี 62 จนถึงปัจจุบัน บริษัทมีรายได้จากการขายตั๋วหนังอยู่ที่ประมาณ 9.9 พันล้านเหรียญ จากเดิมที่เคยทำได้รายได้จากการขายตั๋วหนังได้ 7.6 พันล้านเหรียญ ในปี 59 เมื่อถามถึง “จุดเด่น” ของ หุ้น Walt Disney หรือ DIS ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก กูรูหุ้นต่างประเทศ ประจำหลักทรัพย์บัวหลวง เฉลยว่า...

- บริษัทวางกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าได้ดี โดยเพิ่งเปิดตัวธุรกิจ Disney+ ซึ่งบริการ Video Streaming ที่ให้ดูหนังและซีรีส์แบบไม่อั้น โดยได้รวมโปรแกรมของ Disney+ Hulu และ ESPN+ เข้าด้วยกัน ในราคาเพียง 12.99 เหรียญต่อเดือน โดยเริ่มเปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 62 ซึ่งภายในวันแรก ก็มีผู้สมัครใช้บริการถึง 10 ล้านคนเลยทีเดียว โดยบริษัทคาดว่า ภายในปี 67 จะมียอด Subscriber ถึง 90 ล้านคนทั่วโลก
- อีกหนึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจ คือ Disney+ จะมีการนำภาพยนตร์แบบ Exclusive ซึ่งไม่ได้มีให้ดูผ่าน Streaming Service ของเจ้าอื่น เช่น หนัง Marvel ให้ดูได้ผ่าน Disney+ เท่านั้น นอกจากนี้ทาง Disney ยังเผยแผนอีกว่า จะทำภาพยนตร์ภาคต่อของหนัง Marvel ต่างๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
- Disney ได้เพิ่มช่องทางการให้บริการ Video Streaming มากขึ้น โดยให้สมาชิกสามารถดูผ่าน iPhone iPad หรือ Apple TV ได้แล้ว รวมถึงโทรศัพท์ หรือTablet ผ่านระบบ Android และผู้ใช้ Amazon Fire TV ก็สามารถดูได้เช่นกัน
- Disney เตรียมเปิดธีมในสวนสนุกใหม่ คือ “Avengers Campus” ใน Disneyland ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และฮ่องกง ภายในปี 63 ซึ่งจะเป็นการกระจายฐานรายได้ให้เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากธุรกิจสื่อบันเทิง

- ยังไม่หมดแค่หนัง Frozen II เท่านั้น!! Disney เตรียมส่งหนัง “Star Wars: The Rise of Skywalker” ซึ่งจะเข้าฉายในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถกวาดรายได้ทะลุ 1 พันล้านเหรียญทั่วโลกได้เช่นกัน
- ปัจจุบันราคาหุ้น Disney ปรับตัวขึ้นมา 33% ตั้งแต่ต้นปี 62 และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี และ 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 12% ต่อปี และ 10% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 11 ธ.ค. 62)

ติดตามความรู้ทางด้านการลงทุนดีๆ ได้ที่…



Tips
Global
DR01
สอนลงทุน
Tips
Tools
สอนลงทุน
สอนลงทุน
Tools
Tips
Tips
สอนลงทุน