
Tips
ทำไม ? หุ้น BEAUTY “แรงดีไม่มีตก”
สตอรี่อะไร !! ดัน “หุ้น บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY)” ผ่านมาแค่เดือนกว่า ราคาพุ่งแล้ว 30%
ยิ่งย้อนดูราคาหุ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นว่า...วิ่งขึ้นแล้วกว่า 20% จาก “จุดต่ำสุด” 9.05 บาท ขึ้นมาทดสอบ “ยอดสูงสุด” 14.20 บาท ผลักดันให้ “ตัวเลขมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป)” ขยับจากเฉลี่ย 33,310 ล้านบาท เมื่อช่วงต้นปีเป็นเฉลี่ย 42,638 ล้านบาท ในปัจจุบัน หากมองเผินๆ หลายคนคงประเมินคร่าวๆ ถึงสาเหตุที่ราคาหุ้น BEAUTY ปรับตัวขึ้นว่า อาจเกิดจากการเข้ามาลงทุนเพื่อรับงบการเงินไตรมาส 2 ปี 2560 ที่อาจออกมาสวยต่อเนื่องจากไตรมาสแรกของปี 2560 ที่ทำกำไรสุทธิสูงถึง 199 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 129 ล้านบาท สุดท้าย เจ้าพ่อความงามไม่ทำให้แฟนคลับผิดหวัง หลังผลประกอบการไตรมาส 2 “ทุบสถิติใหม่” กวาดกำไรสุทธิ 273.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134.46 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 138.72 ล้านบาท และประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2560 ในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 95.26% ของกำไรสุทธิ (ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 23 ส.ค. 2017 ) แต่หนึ่งเบื้องหลังสำคัญที่มีส่วนช่วยดันราคาให้ขยับออกจาก “จุดต่ำสุด” อาจเกิดจากเม็ดเงินลงทุนของ “กองทุนต่างประเทศ” เพราะหลังเจ้าของตัวจริง “นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ” เดินทางกลับจากโรดโชว์ ประเทศสิงคโปร์ ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ราคาหุ้นก็ค่อยๆขยับขึ้น ก่อนจะออกสตาร์ทแรงอีกครั้งในเดือนก.ค.เมื่อกลับจากโรดโชว์ ประเทศฮ่องกง ปัจจุบัน “กองทุนต่างประเทศ” ครอบครองหุ้น BEAUTY แล้วเฉลี่ย 16% (อ้างอิงตัวเลขจาก BEAUTY) ส่วนสตอรี่หนุนราคาหุ้น ก็เป็นไปได้ว่า อาจเกิดจากการที่บริษัทมีแผนขยายสาขาในประเทศของทุก Shop Brand โดยจะเน้นสาขาตามต่างจังหวัดและหัวเมืองท่องเที่ยว เพื่อรองรับกำลังซื้อจากกลุ่มนักท่องเที่ยวเมืองจีนและประเทศอื่นๆ ล่าสุด BEAUTY มีจำนวนสาขาในประเทศ 333 สาขา แบ่งเป็น BEAUTY BUFFET 249 สาขา BEAUTY COTTAGE 71 สาขาและ BEAUTY MARKET 13 สาขา อีกหนึ่งเรื่องเด่นของ BEAUTY คงหนีไม่พ้นการที่ตัวแทนจำหน่ายของบริษัทในกลุ่มประเทศ CLMV มีนโยบาย relocate พื้นที่ เพื่อให้ได้ทำเลที่มี Potential มากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในรูปแบบ non-exclusive distributor ใน 3 ประเทศ คือ เมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา ในฝั่งของเมียนมาร์ ได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว ส่วนประเทศลาวและกัมพูชา ตอนนี้อยู่ระหว่างพิจารณา คาดว่าจะแล้วเสร็จ ภายในไตรมาส 1 ปี 2561สำหรับประเทศฟิลิปปินส์ หลังเปิดสาขาแรกไปแล้วในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะขยายสาขาเพิ่มอีก 5 แห่ง ผลกำไรสุทธิที่ออกมาสวย ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา โดยมีตัวเลขที่ 472.83 ล้านบาท เทียบกับกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 267.94 ล้านบาท ทำให้ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ หลักทรัพย์บัวหลวง ยกให้“หุ้น BEAUTY สวยสุดในบรรดากลุ่มค้าปลีก”
