การวิเคราะห์กราฟหุ้นของนักลงทุนสายเทคนิค จำเป็นต้องใช้เครื่องมือช่วย เนื่องจากวิธีสายเทคนิคจะสนใจ ราคา ซึ่งแน่นอนว่าราคานั้นสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา จึงเป็นเรื่องยากที่จะติดตามราคาด้วยตนเองโดยปราศจากตัวช่วยในการดูพฤติกรรมของราคา อีกทั้งวิธีการวิเคราะห์ที่นักลงทุนสายเทคนิคใช้มีหลากหลายรูปแบบ...สามารถอ่านการวิเคราะห์กราฟรูปแบบต่าง ๆ คลิกที่นี่ โดยในวันนี้เราจะมาแนะนำหนึ่งในวิธีการวิเคราะห์กราฟด้วย CCI ซึ่งเป็นการวิเคราะห์โดยใช้ Indicator เพื่อเป็นตัวช่วยให้นักลงทุนเข้าลงทุนได้ตรงตามเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

CCI คืออะไร

CCI หรือ Commodity Channel Index คือ เครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ประเมินทิศทาง และ ความแข็งแกร่งของแนวโน้มราคาในปัจจุบันเทียบกับราคาเฉลี่ยในอดีต เพื่อใช้ดูว่าราคาอยู่ในภาวะขายมากเกินไป (Oversold) หรือ ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) วิธีการคำนวณ Typical Price = ΣPeriods(ราคาสูงสุด + ราคาต่ำสุด + ราคาปิด) / 3 Moving Average (MA) = ΣPeriods(Typical Price) / Periods Mean Deviation = (ΣPeriods | Typical Price - MA |) / Periods Periods คือ จำนวนแท่งเทียน  

วิธีการดูค่าของ CCI

สามารถอ่านค่าได้ 2 แบบ ได้แก่

• CCI > 100 หมายถึง มีแรงซื้อมากเกินปกติ จนทำให้ราคาปัจจุบันสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต คือ เกิด Overbought นักลงทุนควรตัดสินใจหาจุดขาย (Sell) เพื่อให้สามารถขายได้ราคาสูงในช่วงที่ตลาดยังคงเป็นขาขึ้น ก่อนที่จะกลับตัวไปเป็นตลาดขาลงที่ราคาต่ำกว่า
• CCI < -100 หมายถึง มีแรงขายมากเกินปกติ จนทำให้ราคาปัจจุบันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต คือ เกิด Oversold นักลงทุนควรตัดสินใจหาจุดซื้อ (Buy) เพื่อให้สามารถซื้อได้ราคาถูกในช่วงที่ตลาดยังคงเป็นขาลง ก่อนที่จะกลับตัวไปเป็นตลาดขาขึ้นที่ราคาสูงกว่า

TIPS : โดยทั่วไปนิยมใช้จำนวนแท่งเทียนย้อนหลังอยู่ที่ 20 แท่ง (Periods) แสดงถึงความผันผวนของค่า CCI หากลดลงค่า CCI จะผันผวนมาก หรือ หากเพิ่มขึ้นค่า CCI จะผันผวนน้อย ดังนั้นต้องใช้ MACD และ การดูแนวรับ-แนวต้าน ประกอบด้วย

ยกตัวอย่างการใช้ CCI จากสถานการณ์จริง

ก่อนอื่นเลยต้องรู้ว่า CCI ไม่จำกัดจุดสูงสุดของการแกว่งตัว ดังนั้นการกำหนดช่วงของ CCI ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้ใช้แต่ละคน เช่น หากเป็นราคาช่วงสภาวะปกติกำหนด CCI อยู่ในช่วง -100/+100 แต่หากหุ้นกำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนในตลาด (มีมูลค่าการซื้อขายสูง) ควรกำหนดช่วงของ CCI ให้กว้างขึ้น เช่น -200/+200 เป็นต้น จากกราฟจะเห็นว่า

• พื้นที่สีส้ม (CCI > 100) แสดงว่าตลาดเกิดภาวะ Overbought จะเห็นว่าราคาเริ่มที่ 15.70 บาทและปรับตัวสูงขึ้นถึง 17.50 บาท ซึ่งนักลงทุนจะทำการขายหุ้นเป็นจำนวนมาก เนื่องจากได้ราคาขายที่สูง จนสุดท้ายราคาจะปรับตัวลดต่ำลงกลายเป็นตลาดขาลง ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมหาจุดขายที่ทำให้ตนเองได้กำไรสูงสุด
• พื้นที่สีฟ้า (CCI < -100) แสดงว่าตลาดเกิดภาวะ Oversold จะเห็นว่าราคาเริ่มที่ 15.90 บาท และปรับตัวลดลงถึง 14.70 บาท ซึ่งนักลงทุนจะทำการซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก เนื่องจากได้ราคาซื้อที่ต่ำ จนสุดท้ายราคาจะปรับตัวสูงขึ้นกลายเป็นตลาดขาขึ้น ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมหาจุดซื้อที่ทำให้ตนเองได้กำไรสูงสุด

วิธีการใช้งานโปรแกรมต่างๆเพื่อดูค่า CCI

วิธีที่1 เข้าใช้งานผ่านโปรแกรม  Trademaster 

1. เมื่อเข้าสู่ระบบใน Trademaster แล้วให้คลิกที่ Chart
2. จากนั้นให้คลิกที่ Auto Chart
3. จากนั้นให้ใส่ชื่อหุ้นที่ต้องการในช่องค้นหา
4. คลิกที่ Chart Signal > เลือกดู Bear CCI หรือ Bull CCI
5. แสดงผลลัพธ์บนหน้าจอในรูปด้านล่าง

วิธีที่2 เข้าใช้งานผ่านโปรแกรม Aspen for browser

1. เข้าระบบในโปรแกรม Aspen
2. จากนั้นให้กดไปที่ Chart หลังจากนั้นสามารถค้นหาหุ้นที่ต้องการได้ในช่องค้นหา
3. คลิกไปที่ Commodity Channel Index (CCI)

วิธีที่3 เข้าใช้งานผ่านโปรแกรม Streaming บนหน้า เว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง

1. Login เข้าใช้งาน เว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง
2. เลือกเมนู Streaming
3. เลือกฟังก์ชัน Technical
4. เลือก Indicator > Commodity Channel Index
5. พิมพ์ชื่อหุ้นที่สนใจในช่องค้นหา สามารถดู CCI ได้ด้านล่าง

สแกนหาหุ้นหรือบริษัทที่มี CCI ในช่วง -100/100 บน Trade Master

สำหรับลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวงสามารถสแกนหาอัตโนมัติจากเงื่อนไขที่คุณสร้างเองได้ง่าย ๆ ผ่านโปรแกรม Trade Master ดังนี้...

• สร้างเงื่อนไขด้วยแถบเมนูด้านซ้าย และตั้งค่าเงื่อนไข โดยหาค่า CCI ในช่วง -100/100 และกำหนด Periods ที่ 20
• หลังจากสร้างกลยุทธ์เรียบร้อยแล้ว หน้าจอจะแสดงหุ้นที่ตรงตามเงื่อนไข

รับชมคลิปวิดีโอ ทริปเด็ด ๆ จากกูรูหลักทรัพย์บัวหลวงต่อได้ที่นี่

หากนักลงทุนสนใจศึกษาวิธีการวิเคราะห์กราฟหุ้นเบื้องต้น ติดตามต่อคลิกที่นี่

📌 เปิดบัญชีหุ้นออนไลน์กับหลักทรัพย์บัวหลวง สะดวก ง่าย ไม่ต้องส่งเอกสาร คลิก  👇

หรือศึกษาวิธีการเปิดบัญชีบนหน้าเว็บไซต์เพิ่มเติม คลิก
ผู้ลงทุนจะต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน…สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บมจ. หลักทรัพย์บัวหลวง โทร. 0-2618-1111