
นอกจากสินค้า Futures ใน TFEX แล้ว ปัจจุบัน TFEX มีสินค้า Options ให้นักลงทุนสามารถเลือกซื้อขายได้อีกด้วย ซึ่ง Options เป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาสร้างกลยุทธ์ในการเทรดได้อย่างหลากหลาย
Options คืออะไร?
Options คือ ตราสารอนุพันธ์ที่ให้สิทธิกับผู้ซื้อ (Long Options) โดยผู้ซื้อสามารถเลือกได้ว่าจะใช้สิทธิในการซื้อ (Call Options) หรือ ขาย (Put Options) สินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนด (Strike Price) ณ วันหมดอายุหรือไม่ โดยผู้ซื้อจะต้องจ่ายค่า Premium เพื่อซื้อสิทธิดังกล่าวกับผู้ขาย (Short Options) ซึ่งผู้ขายจะมีภาระผูกพันในการปฏิบัติตามผลการตัดสินใจของผู้ซื้อเสมอ
ทั้งนี้ ปัจจุบัน TFEX มีสินค้า Options ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 เพียงสินค้าเดียวเท่านั้น
SET50 Index Options มีคุณลักษณะอย่างไร?
ชื่อย่อของ SET50 Index Options
กลยุทธ์ Long Options สร้างผลตอบแทนได้ไม่จำกัด พร้อมจำกัดการขาดทุน
1. Long Call Options – “มองขึ้น”
- เปิดสถานะ Long Call Options จะจ่ายค่า Premium เพื่อซื้อสิทธิ และไม่ต้องวางเงินหลักประกัน
- หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่าราคาใช้สิทธิ (Strike Price) + Premium >> พอร์ตจะเริ่มมีกำไร
- หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงปรับตัวลง >> จะขาดทุนสูงสุดแค่ค่า Premium ที่จ่ายไป
ตัวอย่าง สมมตินักลงทุนคาดการณ์ว่า SET50 Index จะปรับขึ้นในอนาคต จึงเปิดสถานะ Long S50M25C750 จำนวน 1 สัญญา ที่ราคา 27.9 จุด
- นักลงทุนจะขาดทุนสูงสุดแค่ค่า Premium ที่จ่ายไป เท่ากับ 27.9 x ตัวคูณดัชนี 200 x 1 สัญญา = 5,580 บาท
- จุดคุ้มทุน จะเท่ากับ 750 + 27.9 = 777.9 จุด หมายความว่า ถ้า SET50 Index ปรับขึ้นสูงกว่าระดับดังกล่าว พอร์ตจะเริ่มมีกำไร
- สมมตินักลงทุนปิดสถานะที่ราคา 35 จุด จะได้กำไรเท่ากับ (35-27.9) x ตัวคูณดัชนี 200 x 1 สัญญา = 1,420 บาท
หมายเหตุ: ตัวอย่างดังกล่าวยังไม่รวมค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
2. Long Put Options – “มองลง”
- เปิดสถานะ Long Put Options จะจ่ายค่า Premium เพื่อซื้อสิทธิ และไม่ต้องวางเงินหลักประกัน
- หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงปรับตัวลงต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ (Strike Price) - Premium >> พอร์ตจะเริ่มมีกำไร
- หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงปรับตัวลง >> จะขาดทุนสูงสุดแค่ค่า Premium ที่จ่ายไป
ตัวอย่าง สมมตินักลงทุนคาดการณ์ว่า SET50 Index จะปรับลงในอนาคต จึงเปิดสถานะ Long S50M25P725 จำนวน 1 สัญญา ที่ราคา 43 จุด
- นักลงทุนจะขาดทุนสูงสุดแค่ค่า Premium ที่จ่ายไป เท่ากับ 43 x ตัวคูณดัชนี 200 x 1 สัญญา = 8,600 บาท
- จุดคุ้มทุน จะเท่ากับ 725 - 43 = 682 จุด หมายความว่า ถ้า SET50 Index ปรับลงต่ำกว่าระดับดังกล่าว พอร์ตจะเริ่มมีกำไร
- สมมตินักลงทุนปิดสถานะที่ราคา 50 จุด จะได้กำไรเท่ากับ (50-43) x ตัวคูณดัชนี 200 x 1 สัญญา = 1,400 บาท
หมายเหตุ: ตัวอย่างดังกล่าวยังไม่รวมค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นว่าการ Long ทั้ง Call และ Put Options ผลขาดทุนสูงสุดที่อาจเกิดขึ้นจะจำกัดแค่ค่า Premium ที่จ่ายไป ดังนั้น การซื้อ Options ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของ SET50 Index โดยสามารถจำกัดความเสี่ยงหากคาดการณ์ผิดทางได้
📌 สนใจเปิดบัญชี TFEX/Block Trade ออนไลน์ กับหลักทรัพย์บัวหลวง คลิกที่นี่